ยุค 2022 นี้จะมีอะไรหาง่ายมากไปกว่า “เพื่อนกิน” โดยเฉพาะยามเย็นหลังเลิกงานที่กระเพาะเริ่มมีความต้องการอาหารและที่แฮงค์เอ้าท์ฟิน ๆ แค่ได้ยินคำว่า “กิน”แบบเบา ๆ เหล่าเพื่อนซี้ก็พร้อมรวมตัวเพิ่มสถานะเพื่อนกินในทันควัน วันนี้เราเลยอยากชวนเพื่อนๆไปส่องที่ชิลล์เอ้าท์เปิดใหม่ กับร้าน Shichi สาขาใหม่ล่าสุดในอารีย์สัมพันธ์(ซ.5) ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม ที่เสิร์ฟเมนูสุดหลากหลายของร้านทุก ๆ จานด้วยวัตถุดิบเดียวกันกับร้านระดับมิชลิน แต่มาในราคาน่าคบหา เมื่อเทียบกับค่าวัตถุดิบคุ้มจนต้องยกนิ้วโป้ง และไฮไลต์เด็ดอีกอย่าง คือการตกแต่งในสไตล์ Izakaya ที่ช่างเหมาะแก่การชวนกลุ่มเพื่อนมานั่งชิลล์ให้ได้ฟีลแบบญี่ปุ่น 100% จะมื้อสายหรือมื้อเย็น จะวันธรรมดา หรือวันหยุด ก็ได้เวลารวมตัวของเพื่อนกินสุดซี้ไปฟินด้วยกันแล้ววว
ตามมาอย่าให้ช้าที่ Shichi Ari (ร้านอยู่หน้าซอยอารีย์สัมพันธ์ 5)
FB : Shichi Japanese Restaurant
Tel : 065-962-5444
Line Id: @shichi
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00
เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00-22.00 ไม่มีเบรก
บรรยากาศของคนมีเพื่อนมากินด้วยกันมันก็เป็นแบบนี้แหละ
ทั้งโทนสี การตกแต่ง และการจัดโต๊ะให้ฟีลเหมือนร้าน Izakaya สำหรับเปิดตี้ช่วงเย็นหลังเลิกงานของญี่ปุ่นไปเลย
แค่มาถึงหน้าร้านก็จึ้งโดนใจ เพราะอะไร๊อะไรมันก็ดูญี่ปุ่นแบบ360องศา ทั้งโทนสี การจัดไฟ การตกแต่ง จากบางกอกสู่โตเกียวช่างง่ายอะไรขนาดนี้ เจอแบบนี้ยังไงก็ต้องขอถ่ายรูปไว้อัพโซเซี่ยลเก๋ๆสักหนึ่งกรุบ มาที่เดียวถ่ายรูปก็สนุก ทานอาหารก็อร่อย บรรยากาศก็เลิศ 10 10 10 นอกจากอกหักก็ไม่มีอะไรให้หักไปเลยแม่
เข้ามาในร้าน ที่สัมผัสได้พร้อมกลิ่นอาหารหอมๆก็คือกลิ่นอายการตกแต่งแบบ Izakaya ที่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้น อยากหาอะไรทาน อยากหาอะไรดื่มทันที ไม่รอช้ารีบหาที่นั่งเข้ามุมสวยๆ พร้อมกางเมนูดูความหลากหลายที่ต้องบอกว่าครบมากๆ แถมวัตถุดิบคือเหมือนกันกับร้านระดับมิชลินในราคาคุ้มๆไปอีก
แต่ถ้าใครตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทานอะไรดีก็สามารถเดินไปสอบถามเซฟ หรือจะไปแอบส่องวัตถุดิบสดใหม่ที่อยู่ในตู้ก็ไม่ผิดกติกา เพราะที่นี่แค่เดินเข้ามาเราก็จะพบกับสเตชั่นทำครัวแบบเปิดโล่งสไตล์ญี่ปุ่น แล้วค่อยตัดสินใจ หรือจะเลือกนั่งโซนหน้าสเตชั่นชมเซฟทำอาหารไป ทานไป ก็ได้ฟีลเจแปนเพิ่มขึ้น150%แล้วล่ะ
หลังพูดคุยสอบถามจนได้เมนูเด็ดที่เซฟอยากแนะนำ จานแรกที่เราสั่งคือ Hirame Usuzukuri (ปลาตาเดียวแล่บาง) เมนูปลาเนื้อขาวที่เหมาะอย่างยิ่งกับการทานเป็นลำดับแรกของจานหลักเพราะมีความเข้มข้นน้อยที่สุด แต่มอบความสดชื่นทานง่าย กระตุ้นให้อยากอาหารได้เป็นอย่างดี แค่เห็นทักษะการแร่ปลา กับเนื้อปลาที่ดูอ่อนนุ่ม ทานแล้วเปล่งประกายความสดทั่วทั้งปาก งานนี้ยังคงกด10คะแนนให้เช่นเคย
เมนูต่อมาเพิ่มความหนักกันสักนิดกับ เมนู Martini Racing Roll (โรลแซลมอนทอดเทมปุระ) ที่เซฟจับเอาเนื้อปลาแซลมอนและแตงกวา มาม้วนโรลชุบแป้ง แล้วทอดจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ก่อนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ราดซอสสไปซี่และซอสหวาน ท็อปด้วยอิกุระ จนออกมาเป็นเมนูกรอบนอกนุ่มใน ให้เราเคี้ยวสนุกไปกับเทกเจอร์ที่กรอบ นุ่ม หวาน หอม ลงตัว ลงใจ อร่อยจนวางไม่ลง
เมนูนี้บอกได้เลยว่าโดนใจคนรักโทโร่แบบเต็มๆแน่นอน กับเมนู Negi Toro Don ( ข้าวหน้าโทโร่สับ) แค่ได้ตักเนื้อปลาสีชมพูพร้อมๆกับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ สาหร่าย และวาซาบิเข้าปากพร้อมๆกัน ก็รับรู้ได้ถึงความสดใหม่ของเนื้อปลาทันทีเพราะมันหวานหอม ไม่คาวสักนิด ยิ่งตอนที่วาซาบิเริ่มกระจายความเผ็ดจนทั่วทั้งปากยิ่งเพิ่มความอร่อยให้เนื้อปลาขึ้นอีกหลานเท่า จานนี้เพื่อนเราที่เป็นสายโทโร่จัดการคนเดียวแทบหมด เพราะมันอร่อยจริงๆแม๊
มาร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งทีถ้าไม่สั่งซูชิมาลองทานก็เหมือนยังมาไม่ถึง เราเลือกสั่งเมนู Shichi Sushi Gold ซูชิรวม 8 คำ เมนูที่ทำให้เราได้รู้ซึ้งเลยว่าวัตถุดิบระดับมิชลิน สามารถสร้างความแตกต่างทางรสชาติได้อย่างชัดเจนจริงๆ ใครที่ชอบทานซูชิเมนูนี้ห้ามพลาดเลยนะ
เราเคยได้ยินคำกล่าวที่บอกว่าซูชิคือความเรียบง่ายอันมหัศจรรย์ เพราะมันคือการรวมตัวกันของสิ่งง่ายๆ อย่างปลา อย่างหอย อย่างข้าว อย่างน้ำส้มสายชู อย่างวาซาบิ แต่เมื่อสิ่งง่ายๆเหล่านี้ได้รับการคัดสรรอย่างดี มันกลับทำให้เราเหมือนเดินขึ้นสวรรค์ทีละขั้นในทุกคำที่ได้ลองทานอย่างเหลือเชื่อ
และนี่คือเมนูไฮไลท์ของสายเนื้อ กับเมนู Shichi Dynamite (ซี่โครงเนื้อวากิวย่างถ่าน) เมนูที่เป็นทั้ง Signature และ Best Seller ของร้าน Shichi ที่ Must try เพราะนี่คือเนื้อวากิวย่างเตาถ่านที่ซูวีไว้นานกว่า 30 ชั่วโมง จนมีกลิ่นหอม และรสชาติเข้มข้น เวลาทานแค่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ชื่นชมเนื้อสีแดงอมชมพู ที่มีชั้นไขมันแทรกอยู่ในเนื้ออย่างสวยงาม สักสองนาที กดถ่ายภาพสักชอต โรยเกลือเล็กน้อย แล้วค่อยสัมผัสกับรสชาติอันนุ่ม ฉ่ำ ละมุน ละลาย เมนูนี้ถ้าเต็ม10 กรรมการขอให้20ไปเลยจ่ะ
เมนูก่อนสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำในวันนี้คือ เมนู Tempura Zaru Inaniwa Cold (เส้นอินานิวะเย็นกุ้งเทมปุระ) เมนูที่มีเส้นอินานิวะเย็นๆ เหนียว นุ่ม ซอสสูตรพิเศษอร่อยๆ กุ้ง ปลา และใบโอบะเทมปุระทอดร้อนๆ เสริฟมาพร้อมกัน ให้พร้อมกิน อร่อยและคลายร้อนได้ดีมาก
เมนูสุดท้าย ท้ายสุดที่เราอยากแนะนำคือ เมนู Avocado Salad (สลัดอโวคาโด) เมนูเรียกน้ำย่อยชามใหญ่ยักษ์ มาพร้อมผักกาด แตงกวา อโวคา งา ไข่กุ้ง และน้ำสลัด เมนูผักแบบเบาๆแต่อร่อยเอาเรื่อง แสงพุ่งออกจากปากได้ไม่ยาก กลายเป็นเมนูกินเพลินที่อยากเบิ้ลอีกเมนูนึง
ก่อนคีบของอร่อยเข้าปากก็ต้องไม่ลืมถ่ายภาพกรุ๊ปช็อตมุมท้อปเอาไว้เช็คอินโพสต์รูปในคอลเลคชั่นอาหารในโซเชี่ยลของตัวเองหนึ่งกรุบ
ความสุขของช่วงเวลาหลังเลิกงานคือการได้ทานของอร่อยกับเพื่อนซี๊ที่แสนรู้ใจ ได้นั่งเม้ามอย พูดคุย ดัพเดตชีวิตตัวเองและคนอื่นอย่างออกรสชาติ มันทำให้มื้ออาหารที่พิเศษอยู่แล้วจะยิ่งทวีความพิเศษขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
แฮปปี้ อิ่ม ฟินส์ กับเพื่อนกินสุดซี้ ที่เราการันตีเลยว่าพาใครมาก็ไม่มีผิดหวัง เพราะวัตถุดิบชั้นเลิศนั่นชวนให้น้ำลายสอทุกเมนู ยิ่งได้นั่งทานในบรรยากาศแบบนี้ยิ่งเพิ่มความอร่อยได้อีกหลายเท่าตัว มื้อหน้าไม่ต้องคิดเยอะ ชวนเพื่อนแต่งตัวสวยๆทำท้องให้ว่างๆแล้วตามเรามาเสพความอร่อยกันดีกว่า
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว