มาแล้วปลายฝนต้นหนาว.. ช่วงฤดูที่เราโปรดปรานที่สุดเพราะอากาศเริ่มเย็น คนเที่ยวน้อย เอเนอจี้อยากเที่ยวก็เพิ่มขึ้นมาอีกสิบเท่า ครั้งนี้เลยจะพาทุกคนขึ้นเขาชมธรรมชาติ จิบชา สวย ๆ ซึ่งจุดหมายของเราคือเชียงรายนั่นเอง แพลนรอบนี้เอาใจคนมีเวลาน้อยแต่อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดในเวลาเพียง 3 วัน 2 คืนเท่านั้น มีทั้งนอนเล่นโฮมสเตย์วิวทิวเขาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ใจกลางธรรมชาติ ขับรถเล่นบนถนนลอยฟ้าชมทะเลหมอก สนุกกับการถ่ายรูป ให้อาหารสัตว์ เล่นกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ Singha Park Chiang Rai ที่ตอนนี้เขาเปิดโซนท่องเที่ยวแบบครบเต็มอัตรา พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว ตามด้วยคาเฟ่ฟีลกรีน ๆ สัก3-4ที่ทั้งกินในร้านกินในไร่ มีพิกัดร้านอาหารเด็ด ๆ ถ้าไม่อยากพลาดสถานที่ดี ๆ ห้ามไถผ่านโพสนี้เด็ดขาด อดตามรอยกลับมานอนกอดหมอนร้องไห้ไม่รู้ด้วยนะ
สถานที่ : ถนนลอยฟ้าดอยช้าง
สำหรับทริปนี้เส้นทางฮิดเด้นที่เราประทับใจไม่หายคือ “ถนนลอยฟ้าดอยช้าง” พอพูดถึงดอยช้างขึ้นมาหลายคนคงคิดว่าเราพามาดื่มกาแฟ แต่เปล่าค่ะ!! เราพามาชมถนนลอยฟ้าที่สวยไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ เรียกว่าสวยพอ ๆ กับที่ขุนสถาน จ.น่านเลยล่ะ สองข้างทางเป็นทั้งวิวทิวเขาและทุ่งนา ในช่วงที่อากาศชื้น ๆ ตอนเช้าที่นี่เป็นจุดชมหมอกสุดอลังการด้วยนะ
สถานที่ : Singha Park Chiang Rai สิงห์ปาร์ค เชียงราย
พิกัด : goo.gl/maps/TxJMr4mhghawkWry5
จุดไฮไลท์ที่เราอยากแนะนำทุกคนเลยก็คือสิงห์ปาร์ค เชียงรายนี่แหละเพราะเขามีพื้นที่กว้างมากกว่า 8,600 ไร่ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายภายในนี้ ซึ่งแต่ละอย่างก็จะเน้นความเป็นธรรมชาติ พึ่งพาอาศัยกันกับชุมชน สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชาวบ้าน ในแต่ละเดือนเขาจะหมุนเวียนการปลูกทุ่งดอกไม้ไปตลอดปี เรียกว่ามาได้หลาย ๆ ครั้งไม่เบื่อไม่ซ้ำแน่นอน และยังมีเทศกาลประจำปีที่จัดเพื่อให้เราได้มาเยี่ยมชมกันด้วย ที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ เลยก็คือเทศกาลบอลลูน ที่จะจัดในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเราเคยมาแล้ว มันสวยกว่าที่เห็นในภาพถ่ายมาก ๆ มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ลานนั่งชิลกิน BBQ จิบเครื่องดื่ม ให้อาหารสัตว์ เล่นซิปไลน์ ขับATV เรียกว่ามากับใครก็สนุก จะครอบครัว คู่รักหรือกลุ่มเพื่อนก็ได้
DAY 1
001 บ้านผาฮี้
ที่แรกขอเริ่มจากผาฮี้เลยแล้วกัน เพราะฟีลดีมากสำหรับใครที่โหยหาธรรมชาติ อยากจะสัมผัสทุกอณูรูป รส กลิ่น เสียงเราขอแนะนำให้มาที่บ้านผาฮี้หมู่บ้านกลางป่าใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากพระตำหนักดอยตุง ใกล้กับชายแดนพม่า คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ทำการเกษตรปลูกชา ปลูกกาแฟโดยเราจะเห็นชาวบ้านเอาใบชาและเมล็ดกาแฟมาตากไว้หน้าบ้าน มีร้านกาแฟมากมายในนี้ หน้าตาร้านแม้จะดูธรรมดา แต่วิวปังและรสชาติกาแฟเรียกว่าพรีเมี่ยมเลยแหละ อาราบิก้าคั่วสด รสอ่อนหอมแบบจัดหนัก นอกจากนี้ชาวบ้านก็เริ่มเปิดโฮมสเตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันแล้วเช่นกันนะ
พิกัด : goo.gl/maps/2LZWzRGL7MA4n43k7
002 ผาฮี้วัลเล่ย์
ที่นี่เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ มีรายการอาหารและกาแฟค่อนข้างหลากหลาย เรื่องวิวอลังการน่าจะเป็นมาตรฐานของโฮมสเตย์แถบนี้ไปแล้ว ยิ่งช่วงที่เรามาฝนเพิ่งหยุดตกเลยมีหมอกดุ ๆ มาทักทาย เมนูที่นี่จะเป็นอาหารพื้นเมืองของชนเผ่าอาข่า และมีเมนูพิซซ่าที่เป็นซิกเนอเจอร์ของทางร้าน พิซซ่าถาดกลางหน้าตาเก๋ แป้งบางเครื่องแน่น ชีสหนึบรสชาติดีมากกก.. คู่กับเซตดริปกาแฟนั่งจิบกันชิล ๆ ในส่วนของที่พักจะเป็นบ้านสองชั้นส่วนตัว หันหน้าออกไปทางสวนกาแฟและภูเขา มีเครื่องทำน้ำอุ่นอาบน้ำได้ไม่ต้องกลัวหนาว ราคาอยู่ที่ 900 บาท/คน มีชุดกาแฟดริป อาหารเช้า และอาหารเย็นให้ถือว่าคุ้มอยู่น้าาา..
FB : Phahee Valley
พิกัด : https://goo.gl/maps/5qZe6b3pbFM4dkL68
003 Singha Park Chiang Rai
ลงจากเขาลูกนี้มาขึ้นเขาอีกลูกจากผาฮี้เราขับรถมาประมาณ 1.40 ชม.ก็มาถึงสิงห์ปาร์ค ระหว่างทางคือวิวดีงามมาก แพลนวันนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเราอยู่ในปาร์คได้แบบไม่เบื่อเลยค่ะคุณผู้ชม ตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาถ่ายรูปทุ่งดอกไม้แล้วออกไปเที่ยวที่อื่นต่อ สุดท้ายก็ติดลมแวะเล่นทุกจุดในนี้ ใครที่บอกว่าเคยมาแล้วไม่ไปก็ได้ คุณคิดผิด!! เพราะเขามีเปิดโซนใหม่ เพิ่มกิจกรรมใหม่ ๆ มาอีกมากมาย มีไรบ้างเดี๋ยวเราจะพาไปชมกันให้หนำใจ แต่ขอเริ่มที่รูปปั้นสิงห์ทอง ไอคอนประจำปาร์คที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปคู่กับพี่เขาสักหน่อยละกัน
FB : Singha Park Chiang Rai สิงห์ปาร์ค เชียงราย
พิกัด : goo.gl/maps/TxJMr4mhghawkWry5
ปกติมานี่ก็ต้องนั่งรถรางนำเที่ยวใช่มั้ย ? แต่รอบนี้เราอยากเที่ยวชิล ๆ แวะจุดไหนก็ได้ ชอบตรงไหนก็อยู่นานหน่อย ไม่ต้องรีบไม่ต้องกดดันให้คนอื่นรอเลยเช่ารถกอล์ฟขับแบบสวย ๆ ดีกว่า ซึ่งรถนี้เป็นรถสำหรับ 4 ที่นั่ง ราคาอยูที่ 1,000บาท/2ชม. นอกจากจะได้รถขับเที่ยวเองแบบส่วนตัวแล้ว ยังเป็นพร็อพถ่ายรูปสวย ๆ ได้ด้วยนะ ใครสนใจสอบถามได้ที่จุดบริการฟาร์มทัวร์ได้เลย
เส้นทางในสิงห์ปาร์คนี้คือขับง่ายม๊าก ถนนอย่างดีเนินโล่งอย่างสวย บางมุมเหมือนอยู่ในเทเลทับบี้เลย จุดแรกที่เราตั้งใจขับไปก็คือจุดให้อาหารสัตว์ ที่นี่เขาเลี้ยงยีราฟ ม้าแคระ ม้าลาย วัว และนกไว้เยอะเหมือนกัน เอาใจเด็ก ๆ ที่มักจะตื่นเต้นกับการได้เห็นน้อง ๆ เข้ามาใกล้ พร้อมทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่กว่า 101 ไร่ที่เก็บน้ำไว้ทำเกษตรกรรม และเป็นที่อยู่ของฝูงหงส์นำเข้าจากยุโรปหาดูยาก มีมากกว่า 50 ตัว โดยเราสามารถให้อาหารปลาได้ด้วยนะ
ร้านชาไทย
ขับรถเล่นสักพักก็เริ่มคอแห้ง แนะนำให้แวะที่นี่ตามเราได้เลย กับคาเฟ่บรรยากาศดีงามตกแต่งสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ เมนูก็จะเน้นเป็นเมนูชาไทยทั้งร้อนและเย็น ซึ่งบอกเลยว่าหอมกลมกล่อม เข้มแต่มีความละมุนกว่าชาไทยทั่วไปมาก ๆ เพราะเขาชงด้วยแรงดันจากเครื่องกาแฟเลยดึงรสชาติของชาไทยออกมาได้ดีงาม บวกกับไร่ชากว้างใหญ่ตรงหน้าที่การีนตีความสด ความละเมียดในการปลูกรับรอบว่ารสชาติออกมาถูกปากคนไทยชัวร์ วิวจากร้านเป็นวิวไร่ชากว้าง 180 องศา นอกจากได้ชิมชา ชิมขนมแล้วยังได้ลงไปถ่ายรูปเล่นในไร่ชาด้วย พี่ว่าสิ้นปีก็ยังลงรูปไม่หมดหรอก ในส่วนของร้านชาไทยนี้เปิดยาว ๆ ตั้งแต่ 9:00-18:00 น.สามารถแพลนมาได้ทั้งวันเลย
ข้อดีของการขับรถกอล์ฟเที่ยวเองคือเราจะแวะตรงไหน ถ่ายรูปนานเท่าไหร่ก็ได้ มันสะดวกและเป็นส่วนตัวกว่ามาก เราเริ่มติดใจการมีรถกอล์ฟส่วนตัวขับเล่นในไร่พี่สิงห์แห่งนี้แล้วสิ
Zipline
จิบชาและถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจ เราก็ขับรถตะลอนมาจนถึงตึกสวยสูงเด่นเป็นสง่าใจกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ และแน่นอนว่าวัยรุ่นอย่างเรา ๆ มาถึงที่นี่ก็ต้องลองท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยกิจกรรม Zipline ที่มีถึง 4 ฐานด้วยกัน เริ่มจากจุดไฮไลท์โรยตัวลงจากตึก 8 ชั้น ผ่านไร่ชาวิวกว้าง 360 องศา โรยตัวบนทะเลสาบกว้างเพิ่มความเสียวปนความสวยด้วยวิวโล่งแบบไม่มีอะไรกั้น บินกันเป็นนกเลย เข้าใจคำว่านางพญาก็วันนี้แหละ สนุกมากกกกก..ราคาก็คุ้มสุดแค่ 300 บาท/ คนเท่านั้นเอง
ATV
ไหนๆ ก็ผาดโผนกันไปแล้ว เราก็ต้องลองมาต่อกันที่กิจกรรมใหม่แปลกตาที่คราวก่อนมาแล้วยังไม่เจอคือการขับ ATV เอาใจสายลุยสุด ๆ ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มองไม่เบื่อ สวยไม่หยุดเลยล่ะ ให้อารมณ์ต่างจากนั่งรถราง ขับรถกอล์ฟมาก ๆ ไปได้ทั้งจุดชมสัตว์ ชมไร่ชา วิวทิวเขารอบสิงห์ปาร์ค โดยเราสามารถเช่าได้ตั้งแต่ 10:00-17:00 น. และงดบริการช่วงเวลา 12:00-13:00 น. ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 600 บาท/45นาที (มีคนซ้อนคิดเพิ่ม 200 บาท) หรือใครไม่อยากขับนานก็เช่าไว้ถ่ายรูปสวย ๆ ได้ในราคา 200 บาท/15นาที มุมนี้แปลกไม่เหมือนใครแน่ ๆ เพราะเขาเพิ่งเปิดสด ๆ ร้อน ๆ เลยแก
Cargo Bar-B-Q
เล่นเพลินมาทั้งวันท้องร้องโครกครากพร้อมหมดพลังงานแล้ว.. เลยมาพักรองท้องกันที่คาร์โกบาร์บีคิว ร้านปิ้งย่างน้องใหม่ล่าสุดของสิงห์ปาร์ค ที่มีโลเคชั่นแหล่ม ๆ อยู่กลางเนินเขาห้อมล้อมด้วยขุนเขาเป็นแนวยาว ริมทะเลสาบเหมาะกับการจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ แกล้มด้วยเนื้อย่างบาร์บีคิวไม้โต เนื้อแน่นเต็มคำ พร้อมกับแสงเย็นแดดคล้อยฟินสุด ๆ เพราะโซนนี้เราเปิดตั้งแต่เวลา 17:00 – 20:00 น. (ศ.-ส. 17:00 – 21:00น.) ขอแนะนำให้มาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ แล้วก็อยู่ยันค่ำไปเลยค่ะ เป็นมุมปาร์ตี้ชิล ๆ ที่ดีมาก ๆ
004 บ้านดินอาข่า ดอยแม่สลอง
หลังจากที่เล่นสนุกมาทั้งวันขอตัดอารมณ์กลับมาที่ธรรมชาติเนิบ ๆ ที่บ้านดินอาข่า ดอยแม่สลอง ตั้งอยู่ที่บ้านหล่อโย อ.แม่ฟ้าหลวง เดินทางจากสิงห์ปาร์คมาประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น บ้านพักที่ทำจากดินทั้งหลังวัสดุส่วนใหญ่ได้มาจากธรรมชาติ ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,000 บาท/คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน แม้จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีความ Local ค่อนข้างสูงอยู่ เราสามารถชมวิถีชีวิตประจำวันของชาวอาข่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีบ้านอยู่ไม่ถึง 100 หลังคาเรือนและทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีพูดคุยสนุก ทำให้เราเป็นกันเองกับคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ความจริงถ้ามีเวลาอยากให้ทุกคนมาลองทัวร์หมู่บ้านที่ให้เด็ก ๆ นำเที่ยวดูนะ เพราะมันจะทำให้เราอินกับที่นี่ได้อีกหลายเท่าเลย แต่ไม่เป็นไรแค่มาห้อยขาที่ริมระเบียงแบบนี้ก็โอเคมาก ๆ แล้วเหมือนกัน
FB : Akha Mudhouse Maesalong บ้านดินอาข่าดอยแม่สะลอง
พิกัด : https://g.page/akhamudhouse?share
DAY 2
เมื่อคืนนอนบ้านดินกลางป่าเลยทำให้หลับสบายเต็มอิ่มเต็มตื่น เช้านี้เลยต้องรีบออกมาทักทายอากาศชื้นๆ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ และทางเรามีความยินดีที่จะขอนำเสนอมื้อเช้าอันแสนประทับใจที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้เรา นั่งจิบกาแฟไป กินข้าวต้มไป ดูวิวสีเขียวชื่นใจสุดสายตา ไม่พูดก็คงรู้แล้วว่า นี่คือมื้อเช้าที่ดีที่สุดอีกมื้อหนึ่งเลย
005 Pasang
เวลาบอกแม่ว่าจะไปเชียงราย นางมักจะทักว่าอย่าลืมไปกินสับปะรดภูแลนะ ก็พอจะรู้ว่าเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด แต่ก็เพิ่งรู้ว่าต้นกำเนิดหรือแหล่งผลิตสับปะรดนางแลและภูแลนั้นอยู่ที่หมู่บ้านป่าซางวิวัฒน์แห่งนี้ จากหมู่บ้านเกษตรกรรมตอนนี้เขามีร้านกาแฟชิค ๆ ชื่อว่าบ้านป่าซางแล้ว โดดเด่นด้วยการออกแบบตัวตึกจากไม้โทนสีเข้ม และเหล็กสีดำดูเท่ และปลอดโปร่งไปพร้อม ๆ กัน ภายในวางโต๊ะแบบห่าง ๆ มีช่องลมระบายอากาศได้ดี ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นด้วยการเสิร์ฟสับปะรดฟรีให้ทุกโต๊ะ!! ด้านเมนูขนมและเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสับปะรดทั้งหมด อาทิ กาแฟน้ำสับปะรดนางแล นางแลชีสเค้ก รสชาติดีอีกแล้ว.. สับปะรดกินแล้วสดชื่นมาก พันธุ์ดีงามหวานฉ่ำ กินเยอะขนาดไหนก็ไม่แสบลิ้น เป็นอีกร้านที่มาเชียงรายครั้งหน้าต้องกลับมาอีกแน่นอน
FB : Pasang
พิกัด : https://goo.gl/maps/393MTvXFT9CmXgYt9
006 วัดห้วยปลากั้ง
แวะคาเฟ่กันไป 2 ร้านติดก็เดี่ยวจะหาว่าเป็นสายกินเกินไป เรามาเอาใจสายบุญ-สายมูกันบ้างที่วัดห้วยปลากั้ง เป็นอีกวัดที่สวยงามไม่แพ้วัดไหน ๆ ด้วยสถานที่ตั้งที่อยู่บนเนินเขา มีการออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง ผสมผสานทั้งไทยและจีนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งจุดที่ทำให้เรามองเห็นวัดนี้ได้อย่างโดดเด่นเลยคือองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สูงถึง 69 เมตรถือว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้าง ๆ กันมีโชคธรรมเจดีย์ 9 ชั้น ที่ใช่เวลาสร้าง 999 วัน ภายในเป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย โดยส่วนใหญ่ผู้คนจะมาขอเรื่องโชคลาภ การเงิน และขออโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรซึ่งเขาเปิดให้เข้าตั้งแต่ 7:00 – 21:30 น. ยาว ๆ ตลอดทั้งวันเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/n273Niz4qvi2r67b7
007 มาลองเต๊อะ
ก่อนจะขึ้นไปนอนอีกดอย เราก็ขอตอกย้ำการมาเมืองเหนือด้วยการแวะจัดอาหารเหนือสักมื้อจุก ๆ ใครอยากได้รสชาติคนเหนือแต้ ๆ เราขอแนะนำให้มาที่ร้านมาลองเต๊อะแห่งนี้เลย มีทั้งแบบพื้นบ้านและอาหารเหนือประยุกต์ดัดแปลงส่วนผสมเล็กน้อยแต่อร่อยกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ อย่างเราสั่งเป็นโตกมาก็ครบเครื่องทั้งน้ำพริก ผักสด ฮังเล ฯลฯ บรรยากาศร้านก็ดีแบบเต็มสิบไม่หักเลยจ้า
FB : มาลองเต๊อะ เชียงราย
พิกัด : https://goo.gl/maps/X37RnyMUQhZhP3Ld6
008 ชมภู ฟาร์มสเตย์
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราเปลี่ยนเป้าหมายกลับสู่ขุนเขาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล เพราะที่เชียงรายเขาเยอะ ดอยเยอะไปได้ไม่ซ้ำสักวัน คราวนี้เป็นเส้นทางดอยช้างกันบ้างในเทือกเขาดอยวาวี ถ้าดอยช้างคือที่สุดของการปลูกกาแฟ ที่ดอยวาวีนี้ก็เป็นที่สุดของไร่ชาเช่นกัน ด้วยวิวที่มีทิวเขาสลับทับซ้อนกันอย่างหนาแน่น ทำให้เราเห็นม่านหมอกคละเคล้ากับแมกไม้ดูสวยงาม ภายในวาวีนี้ก็มีอีกหนึ่งดอยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ชื่อว่าดอยกาดผีที่ตั้งของชมภู ฟาร์มสเตย์สุดคูลที่นอกจากการนอนพักแล้วเรายังได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของคนที่นี่อย่างใกล้ชิด ทั้งลานกางเต็นท์และห้องพัก จุดที่เลิฟสุด ๆ คือการเสิร์ฟเช็ตชากาแฟที่ลานระเบียงวิวเขา ชาที่เสิร์ฟมีความหอม ช่วยให้ผ่อนคลายจนต้องขอซื้อกลับบ้าน ราคาที่พักอยู่ที่ 590 บาท/คืนพร้อมอาหารสองมื้อ ซึ่งทำจากผักตามฤดูกาลที่ชาวบ้านปลูกเอง และเขาก็มีทัวร์พาขึ้นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นงาม ๆ ด้วย(เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 500 บาท/3-5คน) ขอเตือนว่าบนนี้อากาศหนาวมากเตรียมเสื้อกันมาดี ๆ นะ
FB : ชมภู โฮมสเตย์ Chomphu Homestay
พิกัด : https://goo.gl/maps/yRGbzmjEYDMa998v5
DAY 3
แม้เราจะบอกว่ามีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ นอกจากวันแรกจะให้จองไฟล์ทที่เช้าสุดแล้ววันสุดท้ายก็ขอให้จองไฟล์ทที่ดึกที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะยังมีอะไรดี ๆ ให้เราไปตามเช็กอินอีกเยอะ เริ่มที่ดริปกาแฟยามเช้ากับวิวแกรนด์ ๆ ตรงหน้าระเบียงที่พัก สูดหายใจให้เต็มปอดก่อนบอกลาดอยกาดผีแห่งนี้กัน
ผ่านเส้นถนนลอยฟ้าดอยช้าง เส้นที่เราเกริ่นไว้ว่ามันดีงามจนหยุดมองไม่ได้ สวยไม่แพ้ขุนสถานที่น่านเลย ยิ่งปลายฝนต้นหนาวป่าเขาจะเขียวทุกพื้นที่ มีหมอกเป็นฉากหลังมองออกไปก็มีแต่เขาและเส้นขอบฟ้าแสนธรรมชาติ มีเวิ้งหุบเขาที่แหวกออกและมีทะเลหมอกปกคลุมอยู่เบื้องล่างด้วยนะ จุดนั้นคือฟินเนเล่สุด
009 Abu Farm Coffee
อิ่มอกอิ่มใจกับวิวถนนที่ขนาบข้างด้วยสายหมอกของยามเช้าที่ดอยช้างกันแล้ว ก็ถึงเวลาหากาแฟดี ๆ เพิ่มคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายกันหน่อย แม้ว่าดอยช้างจะมีร้านกาแฟดี ๆ เด็ด ๆ มากมาย แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะแวะร้านเล็ก ๆ ริมถนนแห่งนี้ แม้ภายนอกหน้าร้านจะดูเหมือนบ้านชาวเขาธรรมดา แต่เดินเข้าไปคือวิวสวยแบบให้นั่งกินที่พื้นก็ยอม มองออกไปเป็นทิวเขาสุดปังที่เราเห็นทั้งดอยช้างกับหมู่บ้านแบบพาโนราม่า และบอกเลยว่าคอกาแฟห้ามพลาด!!! เพราะพี่อาบู เจ้าของร้านนี้เขามีความรู้เรื่องกาแฟแบบอัดแน่นไม่แพ้บาริสต้ามืออาชีพ ด้วยการที่เขามีสวนกาแฟของตัวเองที่ปลูกแบบไร้สารเคมี เน้นเกษตรอินทรีย์ คั่วเองจนมีแบรนด์ออกขายตามท้องตลาด และเปิดร้านขายเองชงเองอีก กลายเป็นที่เดียวทำได้ครบวงจรเลย ซึ่งตัวกาแฟมีให้เราเลือกเยอะมากเป็นอาราบิก้าคั่วอ่อน กลาง เข้มมีเมล็ดขายในราคาน่ารัก ถ้าชิมแล้วติดใจเราก็ซื้อเมล็ดกลับไปดริปดื่มที่บ้านได้เช่นกัน
FB : ABU FARM Coffee Estate
พิกัด : https://goo.gl/maps/Y7d4i1oXkKTU1BvBA
010 Alio Slow Bar and FARM
ก่อนจะบอกลาเชียงราย เราขอส่งท้ายด้วยอีกหนึ่งคาเฟ่เท่ ๆ ที่ถ้าเราไม่บอกต่อก็คงรู้สึกผิดไปอีกนานเลย เราเลือกมาร้านนี้เพราะความชิลของพี่อาลีโอ เจ้าของร้านที่อยากเปิดสโลว์บาร์เล็ก ๆ กลางป่ามีธรรมชาติคอยขับกล่อม เมนูเครื่องดื่มมีไม่เยอะและกาแฟมีเฉพาะแบบดริปเท่านั้น แต่รสชาติกลับดีงาม คงเพราะความสดใหม่ของเมล็ดกลิ่นละมุน ปลายรสเปรี้ยวเล็กน้อย การกินกาแฟที่ไร่กับกินที่ร้านนี่มันสร้างความแตกต่างได้มาก เหมือนอยู่ที่นี่แล้วเวลามันผ่านไปช้ากว่า ดื่มด่ำกว่าปกติ สงบจนไม่อยากลุกไปไหน ถ้าใครอยากอยู่ให้นานกว่านี้เขามีบ้านพักกลางสวนกาแฟ 1 หลังถ้วน เข้าพักได้ 2 คนมีอาหารเช้า อาหารเย็น กาแฟดริป เครื่องทำน้ำอุ่น และจุดชมวิวส่วนตัวถึง 4 จุดด้วยกัน สงสัยที่นอนครั้งหน้าคงต้องมาที่นี่สักคืนแหละ
FB : Alio Slow Bar and FARM
พิกัด : goo.gl/maps/TUojLPhA6ycrXSeH6
ใจจริงก็ไม่อยากให้ทริปจบ แต่ถึงทริปเชียงรายรอบนี้จะจบ แต่อารมณ์ยังไม่จบแน่ ๆ แม้จะมาเชียงรายรอบที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่ภายในใจยังคิดอยู่ตลอดว่า ยังไงเราก็ต้องมาอีก ไม่ใช่แค่ช่วงหน้าฝน ช่วงปลายฝนต้นหนาว หน้าหนาว หรือหน้าไหน ๆ เชียงรายยังเป็นจังหวัดหนึ่งในดวงใจของเราอันดับต้น ๆ เสมอ ด้วยธรรมชาติยังสมบูรณ์ คาเฟ่ดีงามแบบสุ่มร้านไหนก็อร่อยทุกร้าน เพิ่มความสนุกด้วยการหากิจกรรมไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่สิงห์ปาร์ค ได้นอนในโฮมสเตย์ชาวบ้านทุกคืน แค่สามวันสองคืนแต่กลับมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมายเกิดขึ้นให้เราได้จดจำ แล้วเราสัญญาไว้ตรงนี้เลยว่า เราจะกลับมาใหม่ อีกไม่นานแน่นอน
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว