เห็นเพื่อนสาวบ่นว่าเบื่อความอบอ้าวที่เชียงใหม่ ช่วงนี้เหนื่อยๆ เพลียๆ เราเลยคิดว่านางคงต้องพักซะหน่อย เลยจัดแจงชวนนางจองตั๋วไปเที่ยวเยียวยาร่างของนางที่อ่อนล้ากันสักหน่อย เลยตัดสินใจเลือกให้ทะเลช่วยดับร้อน เติมพลังให้ร่างกายได้กลับสดชื่นอีกครั้ง ทริปนี้เลยบินจากเชียงใหม่มาที่กระบี่ทันทีแบบไม่ต้องลังเล เพราะทั้งธรรมชาติดี ทะเลใส จุดดำน้ำถูกใจ ยังมีกิจกรรมให้ได้คูลแบบไม่มีเบื่อ แล้วยิ่งเหลือเชื่อเพราะตอนนี้เป็นช่วงดีแสนสงบเหมือนปิดเกาะเที่ยวแบบส่วนตัว จนทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่ดีที่สุดของปี ทุกโมเมนต์เน้นความประทับใจไปอีกนาน
ส่วนเรื่องการเดินทางจากเชียงใหม่ไปกระบี่ก็แสนง่าย เพราะเราเลือกเดินทางกับสายการบินนัมเบอร์วันอย่างแอร์เอเชีย ที่มีไฟล์ทบินตรงจากเชียงใหม่ถึงกระบี่เลย แถมยังมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย ความตรงเวลา ใส่ใจเราดีสุดๆ
จะบินจากเชียงใหม่หนีไปทิ้งตัวกางแขนท้าทายท้องฟ้า สายลม แสงแดด ที่กระบี่ ก็กดจองได้ ที่ www.airasia.com
สถานที่ : Pooltara Resort Krabi
พิกัด : g.page/pooltara?share
สถานที่ : Phi Phi Island Village Beach Resort
พิกัด : goo.gl/maps/PuTK1XsdQwGRefuC7
สถานที่ : อ่าวปิเล๊ะ
พิกัด : https://g.page/pileh-lagoon?share
อยู่เชียงใหม่ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวร้อนกายร้อนใจ
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร หงุดหงิดไปซะหมด จนสุดท้าย เที่ยวธิดาพยากรณ์จากแอร์เอเชียก็ให้ทางออกบอกว่าต้องลองบินข้ามภาค เปลี่ยนฮวงจุ้ย สร้างความเอ็นจอยให้กับชีวิต สร้างโมเมนต์ที่ดีต่อใจด้วยบรรยากาศสีฟ้าครามของทะเล รับ Vitamin Sea ลดระดับความร้อนในกาย และความกังวลในใจให้คลายลง สูดอากาศบริสุทธิ์เอาพลังงานบวกเข้าสมองเสียหน่อย
ทางเราเองก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ แต่ไม่ทันไรก็บินมาทำท่าจอย ๆ ตามคำเที่ยวธิดาพยากรณ์ซะแล้ว
DAY1
บินประมาณ 2 ชั่วโมงหลับบนเครื่องเต็มที่มาถึงกระบี่ด้วยความสดชื่น พร้อมตื่นไปตะลุยกระบี่ หาดกำลังปัง ใครจะตรงเวลา บินนุ่ม แลนดิ้งดีกว่าแอร์เอเชียไม่มีอีกแล้ว สำหรับวันแรกนี้เราขอเที่ยวชิล ๆ เพราะจองที่พักระดับ 4.5 ดาวบนเกาะพีพีเอาไว้ จากราคาหลักหมื่นเหลือหลักพัน ใครเห็นก็ต้องรีบกดจองแหละ บอกเลยว่าอยู่แค่ในโรงแรมก็สนุก ครบรสได้นะคะคุณพี่
อ้าวตามมาจองกันทางนี้เลยที่ www.airasia.com
เกาะพีพี
จากสนามบินเรานั่งรถแป๊ปเดียวก็มาถึงท่าเรือ เพื่อไปสู่เกาะสวาทหาดสวรรค์ เกาะพีพีที่ตั้งของรีสอร์ทที่เราจองเอาไว้ เราเดินทางมากับ Speed Boat ของ Go Phi phi Island ถึงไวปลอดภัยแน่นอน ราคาต่อคนอยู่ที่หลักร้อยเท่านั้น ถ้าใครไม่สะดวกหารถไปท่าเรือ เขาก็มีบริการรับส่งเช่นกัน สะดวกสบายเหมือนปูพรมแดงเลยแหละแก
ทางไปตำ >> www.gophiphiisland.com
Phi Phi Island Village Beach Resort
ถึงแล้วที่พักแสนรักที่เราแทบไม่อยากย้ายไปไหน Phi Phi Island Village Beach Resort โรงแรมที่ตรงตามฮวงจุ้ยเป๊ะ!! มีด้านหน้าเป็นน้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา แค่มาพักก็รู้สึกดวงต้องพุ่งปังแล้วล่ะ กิจกรรมของที่พักก็มีให้เลือกทำเยอะแยะ เราจึงตัดสินใจอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ลังเล ให้สมกับความตั้งใจหนีมาติดกับเกาะกับเพื่อน ๆ
FB : Phi Phi Island Village Beach Resort
พิกัด : https://goo.gl/maps/aNpaHJMy6SEe3G6r9
สิ่งหนึ่งที่เห็นแล้วสตั๊นมากคือโทนการออกแบบของโรงแรม ที่สะอาดสบายตาจนไม่น่าเชื่อ การใช้โทนสีขาว เทา ฟ้าน้ำทะเล น้ำตาลอ่อนนั้นทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และด้วยความที่ตั้งอยู่บนอ่าวโละบาเกา ภายในอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา ก็ทำให้ที่นี่เงียบสงบขึ้นอีกเท่าตัว
อีกมุมที่ถ่ายรูปสนุกสุด ๆ ไปเลยคือสระว่ายน้ำโทนขาวฟ้าที่แทบจะกลืนไปกับทะเล สั่งม๊อกเทลหวาน ๆ มาชนแก้วกับเพื่อนสาวที่ริมหาดแบบนี้ก็ให้ฟีลลิ่งกูตูร์อยู่นะ
แน่นอนว่าโรงแรมระดับนี้หาดที่เราได้จะต้องเป็นหาดส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งหน้าหาดของโรงแรมเลียบยาว ๆ ไป 800 เมตรเลยค่ะคุณผู้ชม.. เอาแบบคนที่อยากมาวิ่งริมหาดต้องฟิน คนนอนเตียงผ้าใบก็สบาย ทั้งทรายนุ่มที่อยู่ปลายเท้า เสียงคลื่นกระทบหูเบา ๆ กลิ่นหอมของทะเล ทำให้เรานอนซันเบิร์นเพลินจนต้องให้เพื่อนมาปลุกเลย
มุมถ่ายรูปเขาไม่ครีเช่เหมือนที่อื่นนะฮะ ตั้งเปลไว้ริมทะเล ชนิดว่ามากับกลุ่มเพื่อนก็ได้รูปกรุ๊ปช๊อต มากับคู่รักก็ได้ภาพหวาน ๆ กลับไปแน่นอน ซึ่งก็ถือเป็นอีกมุมที่เราชอบที่สุดในโรงแรมเลยล่ะ
บ่ายนิด ๆ แดดเริ่มร่มเราก็ลากแพดเดิลบอร์ดของโรงแรมออกมาพายเล่นข้าง ๆ รีสอร์ทกันหน่อย บอกเลยว่าวิวดีมากกกกกกกกกกกกกก จนไม่รู้จะบรรยายยังไง ไปที่อื่นจะเห็นแต่ทะเลกว้างใหญ่ เวิ้งว้าง แต่ที่นี่จะเป็นแนวป่าชายเลย มีภูเขา และน้ำก็ใสเหมือนอยู่ในสระว่ายน้ำ ขอฟันธงว่าสายทะเลจะต้องว๊าวกับมุมนี้ ซึ่งตอกย้ำได้เลยว่ากระบี่มีแต่ของดี ๆ จริงเว้ยแก
ส่วนตอนเย็นเราก็ฝากท้องไว้ที่โรงแรมนี่แหละค่ะ เพราะโปรโมชั่นเขาเยอะ ถ้าจองโปรโมชั่นตามเว็บไซต์มาก่อน ก็จะยิ่งได้ราคาพิเศษ โดยมีร้านอาหารให้เราเลือกใช้บริการถึง 4 แบบ 4 สไตล์และบาร์อีก 3 บาร์แหนะ เรียกว่าตอบโจทย์ทุกความชอบเลย
DAY 2
เช้าวันที่สองตื่นมาอย่างสดใส พร้อมกระเป๋าใบน้อยเตรียมกล้อง ครีมกันแดด พร้อพเบา ๆ มาต้อนรับแสงแดดยามเช้ากัน เพราะเรามีนัดกับเรือหางยาวนำเที่ยวของชาวบ้านแบบวันเดย์ทริป ซึ่งราคาตอนนี้อยู่แค่ 1,500 – 2,000 บาท นั่งได้ 4-6 คน เรือจิ๋วแต่แจ๋วที่พาเราเที่ยวได้ 4 จุดฟิน ๆ เท่ากับทัวร์ใหญ่ ๆ เพิ่มเติมคือความไพรเวทมีทีแค่เราและเพื่อนเท่านั้น ใครอยากจองก็สามารถหาได้ตามหน้าหาด หรือให้โรงแรมติดต่อให้ได้เลย
อ่าวมาหยา
จุดแรกที่คุณลุงพาเรามาคืออ่าวมาหยา จุดเช็กอินสุดป๊อปของชาวต่างชาติ จนคนไทยอย่างเรา ๆ เข้าไม่ถึงเท่าไหร่.. ตอนนี้มันได้กลับมาอยู่ในอ้อมอกนักท่องเที่ยวไทยอย่างเรา ๆ อีกครั้ง พอการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ธรรมชาติตรงนี้กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้หน้าหาดยังไม่เปิดให้เราเข้าไปเล่นกัน เราจึงสามารถดูได้จากบนเรือเท่านั้น ตรงนี้เราดำน้ำตื้นได้ หรือจะอยู่ที่หัวเรือถ่ายรูปวิวแนวเขาหินปูนแซมสีเขียวสดแบบนี้ก็สวยปังพอ ๆ กัน
พิกัด : goo.gl/maps/t5RwwhBHvSVFBZhU6
ปิเล๊ะลากูน
ปิเล๊ะลากูนแห่งนี้นอกจากเป็นมรดกของท้องทะเลอันดามันแล้วเราขอยกให้เป็นพระเอกของทริปทัวร์ทะเลพีพีด้วยเช่นกัน เพราะมากี่ครั้งก็ไม่เคยผิดหวัง ที่เรียกว่าลากูนเป็นเพราะลักษณะพื้นที่เหมือนทะเลสาบมีภูเขาหินปูนสูงใหญ่ล้อมรอบ ไร้คลื่นลม น้ำทะเลใสมากจนเห็นพื้นทรายด้านล่างและปะการังอันสมบูรณ์
อีกด้านหนึ่งจะมีอ่าวโล๊ะซามะ อ่าวที่มีความเงียบสงบไม้แพ้ที่ใดเป็นจุดดำน้ำชมปะการังอันกว้างใหญ่จนเรียกว่าเป็นอาณาจักรได้เลยทีเดียว
ส่วนจุดที่เราชอบมาก ๆ คืออ่าวลิง แหล่งที่อยู่ของลิงแสมจำนวนมาก อาศัยอยู่บนเกาะกลางทะเล มีหน้าหาดเล็ก ๆ ให้เราสามารถลงไปเดินเล่นได้ ซึ่งถ้าใครมาที่นี่จะต้องได้เจอน้องลิงออกมาทักทาย นอกจากนี้ในทัวร์เราก็ได้ไปทั้งเกาะพีพีเล ถ้ำไวกิ้ง(ถ้ำรังนก) และเกาะไผ่ด้วยเช่นกัน คุ้มแบบไม่มีอะไรมากั้น
พิกัด : goo.gl/maps/b8cVpbs97UrXrGNy5
ที่เราบอกว่าไม่รีบมาจะถือว่าพลาดกว่าทุกครั้งก็เพราะแบบนี้แหละ.. คนน้อยมาก น้อยจนเหมือนได้ปิดเกาะมานอนชิลกับเพื่อนสาว ถ่ายรูปเป็นล้าน ไม่มีคนมาบังซีนหรือกำชับเรื่องเวลา
เห็นที่ท้องเรือมั้ย ? น้ำใสจนรู้สึกเหมือนเรือลอยอยู่บนอากาศเลยล่ะ ธรรมชาติครีเอทสถานที่เที่ยวมาได้สุดปังมาก ๆ รัก <3
หลังจากที่นั่งดื่มด่ำสักพัก ก็ถึงเวลาได้ลงน้ำไปชำระล้างบาป เอ้ย.. ชำระล้างจิตใจกันสักที ในอ่าวปิเล๊ะนี้เหมือนว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำเลย น้ำนิ่งสงบไร้คลื่นลมน่ากลัว วิวข้างหน้าก็สุดแกรนด์นั่งมองทั้งบ่ายยังไม่เบื่อเลย
ถ้ำไวกิ้ง (ถ้ำรังนก)
ถ้ำที่แต่ก่อนเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยเข้าไปสำรวจ โดยภายในมีทั้งค้างคาว และรังนกให้เราได้เห็น แต่เพื่อความปลอดภัยตอนนี้เขาให้เราชมได้แค่ภายนอกเท่านั้น โดยทีตั้งชื่อว่าไวกิ้ง เป็นเพราะข้างกำแพงข้าง ๆ นี้มีภาพเขียนโบราณเป็นรูปเรือรบสมัยก่อน ที่เขาเรียกกันว่าเรือไวกิ้งนั่นเอง ส่องจากบนเรือดี ๆ จะเห็นภาพนั้นได้อย่างชัดเจน
พิกัด : https://g.page/viking-cave?share
ล่องเรืออยู่กลางทะเลจนเริ่มอิ่ม เราก็ขอบอกลา แล้วให้พี่โชเฟอร์แว๊นเรือพากลับมายังฝั่งพีพีดอนกันต่อเลย
พีพีดอน
เกาะเล็ก ๆ ที่แต่ก่อนเป็นแหล่งรวมความบันเทิง ร้านค้า สิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว มีชาวต่างชาติแวะเวียนมาตลอดปี มาตอนนี้กลับเงียบสงบร้านอาหาร บาร์ส่วนใหญ่ปิดบริการ แต่ก็ยังคงมีชีวิตชีวาด้วยผู้คนที่ยังใช้ชีวิตตามวิถีของตนเอง จึงเป็นจุดที่เรายังกลับมาเที่ยวอยู่เสมอ ๆ
เรามีเวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เพื่อเดินเล่นรอบ ๆ เกาะ ถ่ายรูปกับกราฟฟิตี้อาร์ต หาคาเฟ่นั่งชิลสักร้าน แต่หากใครได้นอนที่นี่เราอยากแนะนำให้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขาสักหน่อย เพราะเป็นจุดชมวิวทะเลแหวกที่ตรงกลางเป็นบ้านเรือนมากมาย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันสวยแปลกตาหาดูยากดี
หรือจะแวะมาเล่นกับน้องแมว ที่ตอนนี้ได้ยึดเกาะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แนะนำให้พกอาหารแมวมาด้วยก็ดี เพราะอาหารแมวตามร้านสะดวกซื้อคือหมดแทบทุกวัน ตามปริมาณของแมวและปริมาณของทาส ซึ่งแมวที่นี่ไม่เหมือนแมวจรจัดนะ ขนสวยตัวนุ่ม ไม่ขู่คน บางตัวขี้อ้อนจนใจละลาย ใช้เวลาเล่นกับแมวไปเกือบชั่วโมง.. เอาเวลาทาสไปเลยค่า !!
Patcharee French Bakery
ข้าวยังไม่ได้กินหาคาเฟ่น่ารัก ๆ นั่งกินขนมเครื่องดื่มรองท้องสักหน่อยแล้วกัน ที่ Patcharee French Bakery ร้านเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสสุดคิ้ว ที่ยังเปิดอย่างร่าเริงบนเกาะแห่งนี้ โดยขนมที่นี่ค่อนข้างอินเต๊ออินเตอร์ ครัวซองต์ ฮอทดอก แพนเค้ก โยเกิร์ต ฯลฯ แต่สิ่งที่ชอบมาก ๆ คือเขาเสิร์ฟเคียงกับผลไม้สดแสนชื่นใจ ที่ทำให้การท่องเที่ยวของเราครั้งนี้ได้ฟีลทรอปิคอลขึ้นอีกหลายเท่าตัว
พิกัด : goo.gl/maps/R8ST8TS78DSn3fxi9
กลับขึ้นฝั่งมาสวย ๆ เพิ่มเติมคือความอิ่มอกอิ่มใจ ทิ้งความวุ่นวายไว้กลางทะเล แล้วมาเดินรับลม วิ่งเล่นเฮฮากับเพื่อน ๆ รอชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานล๊ะบาเกาสะพานแขวนแห่งเดียวของเกาะพีพี ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรม
ริมหาดของอ่าวโล๊ะบาเกาแห่งนี้เป็นหาดทราบขาวละเอียด พร้อมคลื่นเบา ๆ ที่เราสามาาถเดินริมหาดได้ยาว ๆ ถึงไม่มีรถเราก็สามารถเดินเล่นได้ตลอดเย็น ดูพระอาทิตย์ตกไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาให้รางวัลตัวเองกับการมองวิวสวย ๆ บ้างก็ดีนะ
DAY 3
วันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่บนเกาะพีพีแห่งนี้ เรานั่งทานอาหารเช้าที่โรงแรมซึ่งเขามีไลน์อาหารว่าไรตี้มาก เหมาะกับการเที่ยวแบบกลุ่มเพื่อนที่มีความชอบหลากหลายสุด ๆ ทั้งคาว หวาน ผลไม้ อาหารไทย ฝรั่ง มีหมดบอกตรง ๆ ว่ายังไม่เต็มอิ่ม ยังไม่อยากเช็กเอาท์เลย เพราะอยากกลับไปเล่นแพดเดิลบอร์ด ว่ายน้ำ นอนริมหาดซ้ำอีกสักหลาย ๆ รอบ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยมาใหม่ก็ได้
บ๊ายบายคุณพีพี เดี๋ยวไว้เราอยากติดเกาะเราจะกลับมาใหม่นะ ขอไปเข้าป่าก่อนเพราะทริปเรายังไม่จบ จุดหมายต่อไปเราจะเข้าไปอยู่ในกระบี่อีกคืน ทำกิจกรรมลุย ๆ หาที่นอนสบาย ๆ เพื่อปรับหยินหยางในจิตใจให้สมดุลกันสักหน่อย
คลองหรูด(คลองน้ำใส)
คลองหรูด คลองน้ำใส หรือเรียกอย่างเป็นทางการอีกชื่อว่าคลองหนองทะเล คลองน้ำจืดขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ ความลึกประมาณ 5 เมตร กว้าง 200 เมตร ที่ถูกเก็บกักไว้ในยามฝนแล้ง ซึ่งน้ำที่เห็นนี้เป็นน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดินตามธรรมชาติ มีความใสมาก จากการกรองของชั้นดิน ด้านข้างเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของแมกไม้หลากพันธุ์ สวยจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมมาเล่นน้ำ เล่นสไลเดอร์ตรงฝายกั้นน้ำ พายคายัคล่องไปตามแนวป่าเพื่อชมระบบนิเวศของคลองแห่งนี้
พิกัด : goo.gl/maps/LL5bHHw9aZb7usee9
Pooltara Resort Krabi
ย้ายจากที่พักริมทะเลมาสู่ที่พักริมธารสุดชิล Pooltara Resort Krabi ตั้งอยู่ติดกับคลองสระแก้ว แหล่งน้ำธรรมชาติที่กลายเป็นสระน้ำให้เรากระโดดลงเล่น พายคายัค เล่นห่วงยาง ถ่ายรูป ฯลฯ ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา แมลงเลยไม่เยอะมาก มีแต่น้องปลามาว่ายด้วยเป็นฝูงเลยค่ะแม่ ห้องพักแต่ละห้องเป็นแบบบ้านหลัง ให้ความเป็นส่วนตัว ที่สำคัญมีแค่ 10 ห้องเท่านั้น แม้ห้องจะเต็มแต่ก็ไม่มีความวุ่นวายแน่นอน
FB : Pooltara Resort Krabi
พิกัด : https://g.page/pooltara?share
ถึงคราวต้องบอกลากระบี่แล้วสิ ..
ต้องขอบคุณแอร์เอเชียที่มีบินข้ามภาค
เส้นทางแสนดีกระบี่-เชียงใหม่
แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละภาคก็เดินทางถึงกันได้แค่ปลายนิ้ว
กดเข้าแอปแล้วจองมากันรัว ๆ เลยจ้า
มั่นใจได้เพราะแอร์เอเชียคือเบอร์หนึ่งเรื่องบินข้ามภาค มีเส้นทางบินข้ามภาคมากที่สุด
บินยาว ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องแล้ว ตอนนี้บนเครื่องบิน AirAsia มีอาหารร้อนและชานมไข่มุกเมนูโปรดของเราแล้วนะ ปังมากแบบไม่ไหวแล้ว แฟนพันธุ์แท้อย่างเรานั้นหรือจะพลาด แถมยังมีเมนู Galaxy magic juice น้ำอัญชันผสมส้มยูซุเมนูใหม่น่าโดนมาให้ลองด้วย ที่สำคัญซื้อคู่ถูกกว่าเพียง 150 บาทเท่านั้น เรากับเพื่อนเลยแบ่งกันคนละแก้ว คุ้ม ๆ ไปเลย
ทริปเสริมดวง ด้วยการสร้างขวัญกำลังใจ ทิ้งเรื่องแย่ ๆ เริ่มเรื่องดี ๆ ของเราครั้งนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีเพื่อนตัวดีทั้งหลายเหล่านี้ เลือกที่เที่ยวก็สำคัญ แต่เลือกจะไปกับใครนั้นสำคัญยิ่งกว่า การพาเพื่อนสาวมาติดเกาะในกระบี่ครั้งนี้ เราได้เป็นทั้งเพื่อนเที่ยว เพื่อนปรึกษา เพื่อนหลงทาง ฯลฯ ใครอยากมีโมเมนต์ดี ๆ แบบเราก็รีบพิมพ์ไปชวนกันในกรุ๊ป แล้วจัดการจองตั๋ว จองที่พักได้เลยนะ คุ้มค่ากับการยอมหาวันหยุดมาแน่นอน
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว