ได้เวลาตามรอยแม่พุดตานปั่นจักรยานผ่านประตูแห่งกาลเวลา ว๊าบไปอยุธยานอนสบาย ๆ ชิว ๆ สักหนึ่งคืน เพราะทริปนี้เรามาพักกันที่ The Cavalli Casa Resort อยุธยา โรงแรมสวยท่ามกลางธรรมชาติที่อยู่ห่างจากตัวเมืองอยุธยาเพียง 10 นาทีเท่านั้น จะมาไหว้พระทำบุณหรือชมเมืองเก่าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทาง แถมยังพรั่งพร้อมไปด้วยฟิตเนส คาเฟ่ ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ การบริการก็ไม่มีขาดตกบกพร่อง ถือเป็นทริปสั้นๆให้เราได้ชาร์จพลังงานและบวกแต้มบุญให้เราได้อย่างเต็มที่เลยแหละ
.
รายละเอียดเพิ่มเติม
FB : The Cavalli Casa Resort, Conference Hotel and Resort in Ayutthaya
Tel : 065-8245364
Map : maps.app.goo.gl/kDTatxWQiRPXFk3D7?g_st=ic





The Cavalli Casa Resort อยู่ใกล้กับจุดท่องเที่ยวชื่อดังของอยุธยา และที่สำคัญคือ เดินทางมาพักผ่อนจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 1 ชม. เท่านั้น แปปเดียวก็ถึงที่พักพร้อมเช็คอินแล้ว

The Cavalli Casa Resort เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ในจังหวัดอยุธยามีเนื้อที่35 ไร่ มีห้องพัก120 ห้อง และที่พักห่างกับตัวเมืองอยุธยาเพียงแค่10นาทีเท่านั้น

ส่วนห้องพักเราเลือกเป็นห้อง Suite Room มีพื้นที่ใช้สอย 40 ตารางเมตร กว้างขวางไม่แออัดและในห้องยังตกแต่งสไตล์ contemporary เป็นโทนสีน้ำเงินกับสีขาวเข้ากับเฟอร์นิเจอร์โทนขาวน้ำเงินที่ใช้ ทั้งรู้สึกหรูหรา สบายตา แถมห้องกว้างมากกกกก

เราชอบที่จะใช้เวลาในห้องนี้มากมองแล้วรู้สึกผ่อนคลายมุมนั่งเล่นนั่งชิลก็น่ารักฮิลใจสุด ๆ ส่วนโซฟาก็มีทีวีพร้อมให้เรานั่งดูนอนดู Netflix อย่างเต็มอิ่มเลย

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ก็ลงมาที่สระว่ายน้ำ ที่นี่เป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่อยู่ชั้นสอง เป็นสระขนาดกว้างที่สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้แล้วยังสามารถเห็นวิวทิวทัศน์อยุธยาและมุมรถไฟ ได้อีกด้วย



ด้านข้างสระว่ายน้ำก็จะเป็นห้องฟิตเนสมีอุปกรณ์ครบครันพร้อมให้เราได้ไปออกกำลังกายกัน

โรงแรมอยู่ไม่ไกล ประตูแห่งกาลเวลาวัดพระงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากที่โดดเด่นของละครเรื่องพรหมลิขิต
วัดพระงามมีชื่อเดิมว่าชะรามเป็นวัดที่มีจุดเด่นคือประตูแห่งกาลเวลา เพราะเมื่อแสงของพระอาทิตย์ส่งไปยังซุ้มประตูก็เหมือนเราได้ก้าวผ่านจากปัจจุบันไปยังอดีต ซึ่งเราว่าไปถ่ายรูปตอนเย็นคือฟินมากแสงสีทองยามเย็นที่ส่องผ่านซุ้มประตูคือปังไม่ไหว และวัดตั้งอยู่บนเกาะนอกเมืองอยุธยาไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพักเลย วัดนี้ไม่ปรากฏหลักฐานหรือเอกสารว่าสร้างเมื่อไหร่อย่างไรแต่มีหลักฐานการขุดแต่งพระทางโบราณคดีว่าวัดพระงาม มีแผนผังเป็นที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนต้นคือหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและขอบเขตของวัดมีคูน้ำล้อมรอบแต่ตอนนี้เหลือไว้เพียงร่องรอยของคูน้ำแล้ว วัดนี้เป็นวัดที่เราคิดว่าถ้าไปอยุธยาแล้วต้องได้แวะไปชมความสวยงามของวัดพระงาม


กลับจากวัดพระงามแล้วก็มานั่งเล่นดูแสงสีทองยามเย็นที่สะพานไม้กลางทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่หน้าโรงแรม บรรยากาศดีมาก ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนและนั่งชิลยามเย็น

สำหรับมื้อเย็นวันนี้เราก็ไม่ได้ไปไหนไกล ขอฝากท้องไว้กับห้องอาหารของโรงแรมนี่แหละ ห้องอาหารตกแต่งได้เท่มีสไตล์ ให้ความรู้สึกคลาสสิคแต่ก็ยังมีความเป็นยุคใหม่อยู่

อาหารที่นี่เราว่าเลิศทำออกมาได้ จัดจ้านทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูที่เราชอบที่สุดอย่างปลาหมึกผัดกะปิอร่อยจัดจ้านถึงเครื่องถึงกะปิมาก แล้วที่นี่ยังให้เครื่องมาแบบไม่กั๊กเหมือนกลัวไม่อิ่ม ปลาชิ้นใหญ่ๆกุ้งตัวโตๆคืออิ่มจุกแน่นอน

กลางคืนก็ไม่ต้องกลัวเหงาเพราะเราสามารถนั่งดื่มด่ำบรรยากาศยามราตรีและจิบค็อกเทลเบา ๆ ที่ชั้นบนโซนสระว่ายน้ำได้เลย

ในส่วนของอาหารเช้าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารร้อน อเมริกันเบรคฟาส ก๋วยเตี๋ยว เมนูไข่ เบเกอรี่และเครื่องดื่ม จัดเต็มสุด ๆ


ก่อนกลับเราขอมานั่งรับลมที่คาเฟ่ Peaberry Cafe เป็นคาเฟ่น่ารักน่ารักที่อยู่ด้านข้างห้องอาหาร บรรยากาศร่มรื่นต้นไม้ล้อมรอบ ไปนั่งจิบกาแฟ พร้อมเบเกอรี่สดใหม่คือฟินไม่ไหวแล้วว

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฮาโลวีนจึงมีเมนูและเครื่องดื่มสุดว้าวให้ได้ลอง นอกจากนี้เค้ายังมีเมนูอื่น ๆ ตามเทศกาลอีกเพียบจะทำให้เราได้เซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่ไปทาน นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นอีกมากมายให้เราได้ลองกัน

ทริปนี้ ดีต่อใจมากใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศที่สงบผ่อนคลายและที่สำคัญคือเราได้มาประตูแห่งกาลเวลาตามรอยหนังเรื่องพรหมลิขิตเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากแฟนละครอย่างเรามาก ถ้ามาเที่ยวอยุธยาแล้วยังไม่มีที่พักโดนใจก็อย่าลืมแวะมาที่ Cavalli Casa Resort อยุธยา กันนะ
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว