ญี่ปุ่นรอบนี้ เราจะพาไป Road Trip
ตะลุยคิวชู 6 วัน 23 พิกัด จุกๆ
ตั้งแต่ฟุกุโอกะ โมจิโก เบปปุ ยูฟุอิน มิลล์โรด ภูเขาไฟอะโสะ
มิยาซากิ คุมาโมโต้ ดาไซฟุ แล้วมาจบที่ฟุกุโอกะอีกครั้ง
เที่ยวเต็มที่ ใช้เวลาเต็มอิ่ม อยากแวะไหนก็แวะ ช้อปไหนก็ช้อป
แต่ยังไม่พลาดจุดเช็คอินสำคัญ พีคทุกโลเคชั่น ไฮไลท์ทุกวัน ปังทุกที่
◾️𝐅𝐮𝐤𝐮𝐨𝐤𝐚
Ichiran Nanokawa Store (ราเมนข้อสอบสาขาแรก)
Kokura Castle
Mojiko Retro
Ganso Hakata Mentaiju Nishinakasu (ร้านข้าวหน้าเมนไทโกะ)
Tenjin Yatai
◾️𝐎𝐢𝐭𝐚
Umi Jigoku
Oniishi Bozu Jigoku
Umi Jigoku Foot bath
Mt. Tsurumi (Beppu Ropeway)
Yufuin floral Village
Kinrin Lake
DAVID NO YAKATA (บ้านพักมีออนเซ็นส่วนตัว)
◾️𝐀𝐬𝐨
Tadewara Marsh
Milk Road
Kusasenri Observatory
Meshi no Yamaichi (ข้าวหน้าเนื้อ)
◾️𝐌𝐢𝐲𝐚𝐳𝐚𝐤𝐢
Takachiho Gorge น้ำตกสวยๆ
Nagashi Somen Chiho-no-ie (ราเมนไม้ไผ่)
◾️𝐊𝐮𝐦𝐚𝐦𝐨𝐭𝐨
Kumamoto Castle
Sakura-no-baba Josaien
◾️𝐃𝐚𝐳𝐚𝐢𝐟𝐮
Starbucks Coffee Dazaifu
Dazaifu Tenmangu Shrine
.
ส่วนการเดินทางจากไทยไปฟุกุโอกะนั้นง่ายสุด ๆ เราเลือกบินไปกับ Vietjet
ให้เราได้สัมผัสความคาวาอี้ของคิวชูด้วยเที่ยวบินตรงจากสุวรรณภูมิ-ฟุกุโอกะทุกวัน
ด้วยราคาที่น่ารักจับต้องได้ ที่นั่งดี ช่วงขากว้างนั่งสบาย
มีบริการอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆให้อิ่มท้องระหว่างบินด้วยน้า
จองได้เลยที่ www.vietjetair.com

แพลนเที่ยว 6 วัน
𝐃𝐚𝐲 𝟏
Ichiran Nanokawa Store (ราเมนข้อสอบสาขาแรก)
Kokura Castle
Mojiko Retro
𝐃𝐚𝐲 𝟐
Umi Jigoku
Oniishi Bozu Jigoku
Umi Jigoku Foot bath
Mt. Tsurumi (Beppu Ropeway)
Yufuin floral Village
Kinrin Lake
DAVID NO YAKATA (บ้านพักมีออนเซ็นส่วนตัว)
𝐃𝐚𝐲 𝟑
Tadewara Marsh
Milk Road
Kusasenri Observatory
Meshi no Yamaichi (ข้าวหน้าเนื้อ)
𝐃𝐚𝐲 𝟒
Takachiho Gorge น้ำตกสวยๆ
Nagashi Somen Chiho-no-ie (ราเมนไม้ไผ่)
𝐃𝐚𝐲 𝟓
Kumamoto Castle
Sakura-no-baba Josaien
Free time
𝐃𝐚𝐲 𝟔
Starbucks Coffee
Dazaifu Tenmangu Shrine
Ganso Hakata Mentaiju Nishinakasu (ร้านข้าวหน้าเมนไทโกะ)
Tenjin Yatai




เราชอบใจมากเพราะการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นของเรานั้นสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เพราะ Vietjet เขามีบินตรงจากไทยไปฟุกุโอกะทุกวัน แล้วบินเวลาสั้น ๆ 5 ชั่วโมงนิด ๆ เท่านั้นก็ถึงแล้ว
แถมราคายังน่ารัก ใคร ๆก็สามารถจ่ายได้ เบาะนั่งดี ช่วงขากว้างนั่งสบาย มีที่ชาร์ตแบตให้ด้วย
แล้วไม่ต้แงกลัวหิวเพราะมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆให้อิ่มท้องระหว่างบินด้วยน้า
จองได้เลยที่ www.vietjetair.com
แล้วนอกจากนี้ยังสามารถจองผ่านแอป Thai Vietjet ได้ด้วย
IOS: https://apps.apple.com/th/app/thai-vietjet/id6447502216
Android: https://play.google.com/store/apps/details

𝐃𝐚𝐲 𝟏 𝐅𝐮𝐤𝐮𝐨𝐤𝐚 – 𝐌𝐨𝐣𝐢𝐤𝐨
𝟎𝟎𝟏 𝐈𝐜𝐡𝐢𝐫𝐚𝐧 𝐍𝐚𝐧𝐨𝐤𝐚𝐰𝐚 𝐒𝐭𝐨𝐫𝐞 (ราเมงข้อสอบสาขาแรก)
มาถึงฟุกุโอกะแล้ว ไม่รอช้ารีบขับรถมุ่งหน้าไปที่ร้านราเมงข้อสอบหรืออิจิรันราเมง
ที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็เป็นแฟนอิจิรันแบบเราเช่นกัน
เพราะฉะนั้นมาถึงเมืองต้นตำรับของอิจิรันทั้งที ต้องมากินที่สาขาแรกไปเลย
สำหรับสาขาสาขาแรกเปิดเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1993 อยู่ที่ Nanokawa
ทั้งภายนอกและภายในร้านจะเป็นไม้สีเข้มทั้งหลัง ด้านในไม่กว้างมาก
มีที่นั่งประมาณ 15 ที่กั้นช่องระหว่างโต๊ะไว้ตามแบบฉบับของราเมงข้อสอบ
มากินคนเดียวก็ไม่เขิน มากินหลายคนก็ไม่อึดอัด
เรามาถึงช่วงก่อนเที่ยง คนเลยยังไม่เยอะ ว่ากันว่าถ้าช่วงเที่ยงหรือวันหยุด
ก็ต้องยืนต่อคิวยาว ๆ ตามแบบฉบับของอิจิรันนั่นแหละ
Map : maps.app.goo.gl/fJWABPfx6zdQK4L1A

Ichiran Ramen เป็นทงคัตสึราเมง มีน้ำซุปที่เข้มข้นและเส้นที่มีความเป็นเอกลักษณ์
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คนไทยจะถูกปากกับรสชาติของแบรนด์นี้เป็นพิเศษ
สำหรับคนคลั่งรสจัดแบบเราสั่งเพิ่มต้นหอม เส้นแข็ง ความเผ็ดระดับ 10 เท่านั้นไม่ต้องลังเล

𝟎𝟎𝟐 𝐊𝐨𝐤𝐮𝐫𝐚 𝐂𝐚𝐬𝐭𝐥𝐞
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็ขับรถต่อเพื่อมาดื่มด่ำกับวัฒนธรรมชาววังแบบญี่ปุ่นสักหน่อย
ที่ปราสาท Kokura ที่สร้างขึ้นในตอนต้นสมัยเอโดะ
หรือราว ๆ 420 ปีก่อน และถูกเผาทำลายในปี 1866
ฉะนั้นหลังที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ให้คล้ายเดิมมากที่สุด
ปราสาทแห่งนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นบอกเล่าเรื่องราวของเมืองอย่างน่าสนใจ
ทั้งการจัดโมเดล 3 มิติ จัดฉากการประชุมของเหล่าขุนนางเสมือนจริง
ข้าวของเครื่องใช้ งานศิลปะที่ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
และที่ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวเมืองคิตะคิวชูที่สวยงามไม่แพ้ที่ใด
เป็นอีกที่ที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระ
โดยค่าเข้าจะอยู่ที่ 350-700 เยน/คนเท่านั้น
Map : maps.app.goo.gl/quVoGGXrTiBMEx6dA


𝟎𝟎𝟑 𝐌𝐨𝐣𝐢𝐤𝐨 𝐑𝐞𝐭𝐫𝐨
คืนแรกเราเลือกมานอนค้างที่ Mojiko Retro เพื่อสัมผัสบรรยากาศได้เต็มที่
ณ Premier Hotel Mojiko โรงแรมสวยใจกลางเมือง
เมืองท่าสุดเก๋กลิ่นอายยุโรปวินเทจ ด้วยความชิล ฟิลดี แสงเย็นสุดโรแมนติก
และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ยิ่งช่วงยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกยิ่งสวยและโรแมนติกสุด ๆ ไปเลย
สถานที่ไฮไลท์
-Straits Plaza ย่านท่าเรือ
-Mojiko Station
-Karato Fish Market
-Blue Wing Moji
-Kyushu Railway Museum
-ล่องเรือชมเมือง
-Norfolk Square
-Mojiko Retro Observation Deck
-Izakaya Saruippiki


𝐃𝐚𝐲 𝟐 𝐁𝐞𝐩𝐩𝐮 – 𝐘𝐮𝐟𝐮𝐢𝐧
𝟎𝟎𝟒 𝐔𝐦𝐢 𝐉𝐢𝐠𝐨𝐤𝐮
พิกัดแรกของวันที่ 2 เราขอพาทุกคนมาเติมความอุ่นที่บ่อน้ำพุร้อนแห่งขุมนรก
อย่างที่บอกว่าเมืองเบบปุเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติถึง 8 บ่อ
จนมีชื่อเรียกรวมว่า Hell of Beppu แต่ละบ่อจะมีสีสันแตกต่างกันไป
เรามาพามาบ่อแรกนี้คือบ่ออุมิ จิโกกุ เป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุดมีความลึกถึง 200 เมตร
เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ (Mt. Tsurumi) เมื่อ 1,200 ปีก่อน
ส่งผลให้น้ำในบ่อเปลี่ยนเป็นน้ำสีฟ้า Cobalt blue
เห็นเป็นสีฟ้าพาสเทลน่ารักแบบนี้อย่าซนเดินลงไปใกล้เชียวนะ
เพราะเขามีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเลยทีเดียว
Map : maps.app.goo.gl/YwaqBBzxLrVnreMh6


𝟎𝟎𝟓 𝐔𝐦𝐢 𝐉𝐢𝐠𝐨𝐤𝐮 𝐅𝐨𝐨𝐭 𝐛𝐚𝐭𝐡
ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อน จะมีโซนเล็ก ๆ
เป็นศาลาน่ารักให้ผู้เข้าชมได้มาแช่เท้าเพื่อผ่อนคลาย
แร่ธาตุจากน้ำร้อนในบ่อจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
เลือดลมไหลเวียนดีและหลับสบาย
แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าใครที่ยังไม่เคยแช่
ต้องเตรียมใจให้ดีเพราะน้ำร้อนมาก
เราเห็นหลายคนมานั่งช่วงแรก ๆ ก็แอบร้องจ๊ากเหมือนกัน
แต่พอร่างกายเริ่มปรับได้แล้วก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสบาย
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากแนะนำเลย ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิต
Map : maps.app.goo.gl/vmcwowjuk6m7bYuh7

𝟎𝟎𝟔 𝐎𝐧𝐢𝐢𝐬𝐡𝐢 𝐁𝐨𝐳𝐮 𝐉𝐢𝐠𝐨𝐤𝐮
ใกล้กับบ่อแรกแบบรั้วติดกันจะเป็น
Oniishibozu Jigoku หรือบ่อโคลนเดือด
เห็นอยู่ในพื้นที่ใกล้กันขนาดนี้
ฝั่งโน้นเป็นน้ำสีฟ้าสดใสมาถึงตรงนี้ไม่ใกล้เคียงเลยนะจ๊ะ
เพราะภายในจะเป็นโคลนสีเทา
เหมือนปูนซีเมนต์เดือดปุด ๆ ตลอด
แถมยังมีกลิ่นโคลนที่ชัดเจน
เป็นการยืนยันว่านี่คือบ่อโคลนของแทร่
Map : maps.app.goo.gl/hztwYGAaghMzr1gb9


𝟎𝟎𝟕 𝐌𝐨𝐮𝐧𝐭 𝐓𝐬𝐮𝐫𝐮𝐦𝐢 (𝐁𝐞𝐩𝐩𝐮 𝐑𝐨𝐩𝐞𝐰𝐚𝐲)
ก่อนจะข้ามไปทางฝั่งยูฟุอิน เราขอเล่นใหญ่ด้วยการขึ้นกระเช้า
ไปชมวิวบนยอดเขา Tsurumi ด้วย Beppu Ropeway
ถือเป็นกระเช้าขึ้นเขาที่ใหญ่ที่สุดในคิวชู
ใช้เวลา 10 นาที พาเราขึ้นสู่ความสูงกว่า 1,300 เมตร
เผยให้เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติบนดินแดนอาทิตย์อุทัย
จากความงามภาคพื้นดินสู่ภาพกว้างไร้สิ่งกีดขวาง
ที่สร้างความตราตรึงจนแทบไม่อยากกลับเลย
ด้านบนจะมีจุดให้เราแวะชมเยอะมาก
ตามจุดต่าง ๆ เขาจะมีข้อมูลบอกว่ายอดเขาที่เห็นชื่ออะไรบ้าง
เดินมาอีกมุมเป็นภาพเมืองใหญ่ติดริมทะเลระยิบระยับ
อีกฝั่งเป็นทิวหมอกที่กำลังปกคลุมพื้นที่สีเขียว
บอกเลยว่าหันไปทางไหนก็สวย จึ้งไม่ไหวอะแม่
Map : maps.app.goo.gl/3LDSAKs1XPe2AjXg6


𝟎𝟎𝟖 𝐘𝐮𝐟𝐮𝐢𝐧 𝐟𝐥𝐨𝐫𝐚𝐥 𝐕𝐢𝐥𝐥𝐚𝐠𝐞
และต่อมาคือสปอตที่ครองใจนักเที่ยวสายแชะภาพอย่างเรา
ก็คงหนีไม่พ้น Yufuin floral Village
หมู่บ้านสไตล์ยุโรป เป็นยุโรปแบบในฝันอะทุกคน
มันมีความแฟนตาซี ได้แรงบันดาลใจ
จากหมู่บ้านชนบทในอังกฤษสมัยก่อน
ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยไปตามผนังบ้านสีเหลืองสดใส
กรอบหน้าต่างสีฟ้าตัดกันอย่างน่ารัก
ทุกซอกซอยมีร้านค้าขายของคลาสสิกเข้ากับสถานที่
เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ดินแดนเทพนิยายยังไงอย่างนั้น
ตรงนี้มีครบทั้ง จุดถ่ายรูป ที่เที่ยว ที่ช้อป ที่กิน และคาเฟ่เลย
Map : maps.app.goo.gl/Q2dkh35utFbVD77WA


นอกจากความน่ารักด้านใน Floral Village แล้ว
ยังมีความน่ารักให้เราได้กรี๊ดยาว ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
Miffy Mori No Bakery ร้านน่ารักธีมน้องมิฟฟี่
ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2019 และกำลังเป็นกระแสสุด ๆ
ภายในร้านการตกแต่งร้านที่เป็นเรื่องราวของเหล่ามิฟฟี่
สุดคิวท์ที่รับรองได้ว่าใครเข้าไปจะต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อย
และหอบหิ้วน้องกลับบ้านมาเป็นของตัวเองสักชิ้นสองชิ้น
เพราะเขามีสินค้าเบ็ดเตล็ด ของที่ระลึก และเครื่องใช้ในครัว
และยังมีขนมอบ ขนมปังที่เป็นตัวละครมิฟฟี่น่ารัก ๆ อีกด้วย
หรือจะคาเฟ่สนูปปี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2014
และเพิ่งรีโนแวทปรับโฉมใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้
แถมตอนนี้ยังมีเพื่อนฝูงมาเปิดข้าง ๆ กันในธีมเดียวกัน
โดยจะใช้ชื่อว่า Snoopy Chaya และ Snoopy Chocolat
ออกแบบมาเป็นบ้านสองหลังอยู่คนละฝั่งถนนแต่ใกล้กัน
ฝั่งแรกจะเป็นร้านขายของฝาก ของที่ระลึก สินค้าเบ็ดเตล็ดกระจุ๊กกระจิ๊ก
อีกฝั่งจะเป็นร้านค้ากึ่งคาเฟ่ มีขนม ไอศกรีม พุดดิ้ง
ภายในของทั้งสองฝั่งตกแต่งด้วยตัวละคร Snoopy, Charlie Brown
และตัวละครจาก Peanuts อีกมากมาย

𝟎𝟎𝟗 𝐊𝐢𝐧𝐫𝐢𝐧 𝐋𝐚𝐤𝐞
อีกหนึ่งไฮไลต์ของเมืองยูฟุอิน ที่จะสะกดเราด้วยความฟูฟ่องของไอหมอกที่ทะเลสาบ Kinrin
โดยชื่อ Kinrin มาจากเกล็ดปลาทอง เพราะมีนักปราชญ์มานั่งแล้วเห็น
แสงอาทิตย์ตกกระทบกับเกล็ดปลาเกิดเป็นสีทองอร่ามสวยงามนั่นเอง
นอกจากวิวริมทะเลสาบที่มีอาคารญี่ปุ่นริมน้ำท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว
เมื่อเดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆ เราจะเจอสะพานไม้ญี่ปุ่น
ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ผลัดใบสีเขียวเป็นเหลือง ส้ม หลากเฉดไล่ลึกไปสุดสายตา
สวยงามดั่งภาพวาด สมแล้วที่เป็นประเทศที่ใคร ๆ ก็รัก
Map : https://maps.app.goo.gl/fvW2qsgQBkhnExMF7

ภายในบริเวณทะเลสาบคินริน ยังมีอีกหนึ่งจุดให้เราแวะชมคือศาลเจ้าเทนโซ (Tenso shrine)
เป็นศาลเจ้าชินโตเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ
ผู้คนมักแวะไปขอพรและถ่ายรูปเสาโทริอิที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทะเลสาบอีกด้วย

𝟎𝟏𝟎 𝐃𝐚𝐯𝐢𝐝 𝐍𝐨 𝐘𝐚𝐤𝐚𝐭𝐚
และในเมืองยูฟุอินนั้นเราได้จองเรียวกัง
พร้อมออนเซนส่วนตัวเอาไว้
ซึ่งที่พักของเราอยู่ติดทะเลสาบคินรินเลยด้วย
สามารถพักได้ 4-8 คน มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
และห้องอาบน้ำที่มีออนเซ็นส่วนตัวทั้งในร่มและกลางแจ้ง
รวมถึงห้องรับประทานอาหาร
ห้องครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว และเครื่องซักผ้าด้วย
ใครอยากตามรอยเราก็ไปจองกันได้
Map : maps.app.goo.gl/JjbXgRscszEipQZq9

𝐃𝐚𝐲 𝟑 𝐀𝐬𝐨
𝟎𝟏𝟏 𝐓𝐚𝐝𝐞𝐰𝐚𝐫𝐚 𝐌𝐚𝐫𝐬𝐡
เซย์กู๊ดบายยูฟุอินตั้งแต่เช้า เราก็มาเดินเล่นรับลมกันต่อที่ทุ่งหญ้าสีทอง Tadewara Wetlands
ตรงนี้เป็นพื้นที่ชุมน้ำตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาคูจุ แหล่งระบบนิเวศน์ที่อนุรักษ์พืชหลากหลายสายพันธุ์
และเป็นที่พักของสัตว์ป่าหลายชนิดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่คุ้มครองในปี 2005
นักท่องเที่ยวแบบพวกเราสามารถมาเดินชิล ๆ สะบัดซ้ายขวาได้ตามเส้นทางที่กำหนด
โดยจะมีระดับเส้นทางยากง่าย ใกล้ ไกล ให้เลือก
ตั้งแต่เส้นทางเดินเล่นสบาย 20 นาทีไปจนถึงทางเดินขึ้นเขายาว 60 นาที
ตลอดเส้นทางเส้นทางจะมีอะไรให้ดูเยอะแยะเลย ทั้งผ่านทุ่งหญ้า ป่า ทุ่งมอส
ถ้าโชคดี เราจะได้เห็นบรรดาน้องสัตว์นานาชนิดด้วยนะ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเข้าหน้าหนาว ใบไม้เปลี่ยนสี ทุ่งหญ้าเลยเป็นสีทองอร่ามไปทั่วเลย
Map : maps.app.goo.gl/tiYecZi5nLb7Budw9


𝟎𝟏𝟐 𝐌𝐢𝐥𝐤 𝐑𝐨𝐚𝐝
ขับรถไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางลอยฟ้าเขาอะโซะ ตรงนี้เรียก Milk Road
คือเาจะได้ขับรถไปยังถนนเส้นที่พาดไปตามขอบแอ่งของภูเขาไฟอะโสะ
จะเป็นเนินเขาสูงเตี้ยสลับซับซ้อนให้เราได้เห็นตลอดสองข้างทาง
สวยมากกกกกก แล้วระหว่างทางยังมีจุดชมวิวอีกหลายจุดให้ได้แวะอีกเพียบเลย



𝟎𝟏𝟑 𝐊𝐮𝐬𝐚𝐬𝐞𝐧𝐫𝐢 𝐎𝐛𝐬𝐞𝐫𝐯𝐚𝐭𝐨𝐫𝐲
อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปและเส้น Milk Road นี้ก็คือ ทุ่งหญ้าคุซะเซนริ(Kusasenri)
อยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะและภูเขาไฟอะโซะ(Aso Mount)
ลักษณะเป็นทุ่งกว้างปกคลุมไปด้วยหญ้า มีบึงน้ำขนาดใหญ่ 2 บึงอยู่ใกล้ ๆ กัน
ทั่วบริเวณเราจะเห็นน้องวัว น้องม้า มากินหญ้า กินน้ำในทุ่งนี้
แล้วยังสามารถขี่น้องม้าเดินเล่นดูวิวปากปล่องภูเขาไฟแบบใกล้ ๆ อีก
จากตรงนี้เราจะมองเห็นภูเขาไฟอะโซะกำลังประทุอยู่เลย
แต่ยังสามารถเที่ยวบริเวณนี้ได้ปกติและหากจะเดินไปชมแบบใกล้ ๆ ก็ได้
แต่วันที่เราไปฝนตกหนักและหนาวมาก เราเลยไม่ได้ขึ้นไป รอบหน้าเราสัญญาว่าจะไม่พลาดเด็ดขาด
Map : maps.app.goo.gl/JALyUPRjbkAToZgXA

𝟎𝟏𝟒 𝐌𝐞𝐬𝐡𝐢 𝐧𝐨 𝐘𝐚𝐦𝐚𝐢𝐜𝐡𝐢 (ข้าวหน้าเนื้อ)
สารภาพก่อนเลยว่าตอนแรกตั้งใจจะไปกินร้านดังฝั่งตรงข้ามแต่ร้านปิด
เราก็เลยลองสุ่มมาร้านนี้ดู พอได้มาลองแล้วบอกเลยว่าเกินคาดมาก
เป็นร้านข้าวหน้าเนื้อที่มีเมนูให้เลือกสั่งไม่เยอะ ตัวเนื้อฉ่ำนุ่มหอมหวาน
ความน่ารักคือร้านจะมีบาร์เล็ก ๆ รวมเครื่องเคียงให้ตักได้ไม่อั้น
บรรยากาศภายในร้านจะมีความโฮมมี่ มีทั้งโต๊ะที่เป็นเก้าอี้ ที่บาร์และนั่งบนเสื่อ
พนักงานในร้านน่ารักและเป็นกันเองมาก
Map : maps.app.goo.gl/BLPxEKpRJ1dkxmwx7


𝐃𝐚𝐲 𝟒 𝐌𝐢𝐲𝐚𝐳𝐚𝐤𝐢
𝟎𝟏𝟓 𝐓𝐚𝐤𝐚𝐜𝐡𝐢𝐡𝐨 𝐆𝐨𝐫𝐠𝐞
เริ่มวันที่สี่มาก็ไฮไลท์อีกแล้วแก เริ้ดเกินคุณน้า
บอกเลยว่าคืออีกหนึ่งดรีมเดสทิเนชั่นของเราเลย
นี่คือ หุบเขาคาชิโฮ Takachiho Gorge เป็นหุบเขาลึก
ที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟอะโสะเมื่อหลายพันปีก่อน
และตรงร่องหุบลึกนี้ยังมีแม่น้ำโกคาเซะ (Gokase)
ไหลผ่านตรงกลางพร้อมด้วยน้ำตกลงมาเป็นสาย
ทำให้วิวตรงนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
Map : maps.app.goo.gl/C6DRGN8Rxue9bLFn6

กิจกรรมสุดฮิตของนักท่องเที่ยวเมื่อมาที่นี่ก็คือการล่องเรือในแม่น้ำโกคาเซะ
จะทำให้เราสามารถมองเห็นหินสูงชันที่สวยงามได้วิวที่แตกต่างออกไป
แถมยังได้ฟีลการผจญภัยเล็ก ๆ ด้วย
แต่ต้องบอกเลยว่าการจองเรือเพื่อพายนั้นยากมาก
เพราะเขาเปิดให้จองล่วงหน้าเป็นรายสัปดาห์และเต็มไวสุด ๆ
หรือหากใครอยากเดินชมให้ทั่วก็มีเส้นทางเดินเลียบน้ำตกระยะสั้น 1 กิโลเมตร
ตลอดทางให้เราได้มองลงมาจะเห็นน้ำตกสุดทางเดินจะมีศาลเจ้าทาคาชิโฮ (Takachiho Shrine)
ให้เราได้แวะขอพรเรื่องความรักด้วยยนะ


𝟎𝟏𝟔 𝐍𝐚𝐠𝐚𝐬𝐡𝐢 𝐒𝐨𝐦𝐞𝐧 𝐂𝐡𝐢𝐡𝐨-𝐧𝐨-𝐢𝐞 (โซเมงไม้ไผ่)
แม้จะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วแต่ตรงนี้ยังมี Nagashi Somen ให้เราได้ไปลองกันอยู่
Nagashi Somen เป็นอาหารประเภทเส้นที่เสิร์ฟแบบเย็น แต่ที่นี่เก๋กว่านั้นค่ะ
เพราะเขาเสิร์ฟด้วยรางไม้ไผ่จ้า เก๋เกินคุณพรี่
แล้วตัวไม้ไผ่ของเค้านี่สะอาดมากนะ ไม่ต้องห่วงเลย
การสั่งอาหารก็จะมีเป็นแบบเซ็ต หรือจะสั่งแค่เส้นก็ได้
แต่ถ้าใครหนาวเค้าก็มีเมนูร้อนให้สั่งด้วยนะ
เราการันตีเลยว่า อร่อยถูกใจ ได้เยอะ คุ้มค่า ต้องมาลอง
Map : maps.app.goo.gl/hESns6G8xUdSmNUv9


𝐃𝐚𝐲 𝟓 𝐊𝐮𝐦𝐚𝐦𝐨𝐭𝐨
𝟎𝟏𝟕 𝐊𝐮𝐦𝐚𝐦𝐨𝐭𝐨 𝐂𝐚𝐬𝐭𝐥𝐞
วันนี้ขอแพลนหลวม ๆ ไม่เล่นใหญ่ แต่ใช้เวลาเดินเล่นในปราสาทให้เต็มที่
ณ ปราสาทคุมาโมโต้ ที่ว่ากันว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาท ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
ด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์จากมีกำแพงหินอิชิกาคิ
และลักษณะภูมิประเทศของที่นี่ทำให้ตัวปราสาทมีรูปทรงโค้งเว้าสวยงามแปลกตา
ตัวปราสาทหอคอยเทนชุคาคุใหญ่มีทั้งหมด 6 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น
นับความสูงจากฐานกำแพงหินได้ประมาณ 30 เมตร
สามารถเดินขึ้นบันไดเรื่อย ๆ เพื่อชมด้านใน ซึ่งจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์ ซามูไร อักษรโบราณ เครื่องปั้นดินเผา และประวัติของปราสาท
เมื่อปี 2016 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ ทำให้ปราสาทเสียหายอย่างหนัก
แต่ตอนนี้ได้รับการบูรณะจนสามารถกลับมาเที่ยวชมได้
และยังเพิ่มโครงสร้างเพื่อป้องกันแผ่นดินไหวอีกด้วย
Map : maps.app.goo.gl/UGuc8z2m1zYSUFqh9


𝟎𝟏𝟖 𝐒𝐚𝐤𝐮𝐫𝐚-𝐧𝐨-𝐛𝐚𝐛𝐚 𝐉𝐨𝐬𝐚𝐢𝐞𝐧
เดินออกมาจากปราสาทคุมาโมโต้ก็ได้เวลาเดินเล่น กินของอร่อยแล้ว
เพราะตรงนี้คือตลาดเมืองเก่า Sakurano-baba Josaien
เอกลักษณ์ของที่นี่คือถูกออกแบบและตกแต่งสไตล์ย้อนยุค
ใช้โทนสีเพื่อให้กลมกลืนไปกับปราสาทคุมาโมโต้
ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม ไอศกรีม คาเฟ่ ร้านขายของฝาก
และมีเวทีกลางสำหรับการแสดงพื้นเมืองต่าง ๆ
ในบริเวณยังมี Kumamoto Castle Museum Wakuwakuza อีกด้วยนะ
Map : maps.app.goo.gl/6PEj6dNjbpaht3rM8


𝟎𝟏𝟗 𝐒𝐮𝐠𝐚𝐧𝐨𝐲𝐚 (ซาซิมิเนื้อม้า)
สิ่งที่เราลอวมาแล้ว แล้วอยากให้ทุกคนได้ลองก็คือ บาซาชิ(ซาซิมิม้า)
ที่อยู่ภายใน Sakurano-baba Josaien นี่แหละ
ร้านนี้เป็นร้านขายเนื้อม้าที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นมีหลายสาขา
และที่สาขานี้มีซาซิมิเนื้อม้าสดให้เราได้ลองชิม รสชาติคล้าย ๆ เนื้อวัวนะเราว่า
เค้าเรียกกันว่า บาซาชิ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของจังหวัดคุมาโมโตะเลยนะ
เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีมาอย่างยาวนาน
Map : maps.app.goo.gl/H991WEi8N1FQN4Wy8

𝐃𝐚𝐲 𝟔 𝐃𝐚𝐳𝐚𝐢𝐟𝐮 – 𝐅𝐮𝐤𝐮𝐩𝐤𝐚
𝟎𝟐𝟎 𝐒𝐭𝐚𝐫𝐛𝐮𝐜𝐤𝐬 𝐂𝐨𝐟𝐟𝐞𝐞 𝐃𝐚𝐳𝐚𝐢𝐟𝐮
ก่อนกลับเข้าตัวเมืองฟุกุโอกะ เราขอแวะดาไซฟุซึ่งอยู่ห่างจากฟุกุโอกะเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
และจุดเช็คอินก่อนสิ่งใด ๆ คือ Starbucks สาขา Dazaifu Tenmangu
เป็นอีกสาขาที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในโลก ด้วยเอกลักษณ์มีการออกแบบที่สะดุดตา
ออกแบบโดย คุมะ เคนโกะ สถาปนิกชื่อดัง ใช้เทคนิคสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นโบราณ
โดยใช้ท่อนไม้ 2,000 ท่อน มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นโดยไม่ใช้ตะปู
ดูจากภายนอกอาจจะเรียบง่าย แต่ถ้าเข้าไปดูรายละเอียดด้านใน
ก็จะรู้สึกว้าวมาก มันว้าวตรงที่ไม่ใช้ตะปูนี่แหละ
Map : maps.app.goo.gl/mTXPmrSeksoZuG238


𝟎𝟐𝟏 𝐃𝐚𝐳𝐚𝐢𝐟𝐮 𝐓𝐞𝐧𝐦𝐚𝐧𝐠𝐮 𝐒𝐡𝐫𝐢𝐧𝐞
เดินออกมาจากสตาร์บัค เราก็เดินตรงไปที่ “ศาลเจ้าดาไซฟุ” (Dazaifu Tenmangu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ในยุคเฮอัน ขึ้นชื่อว่านี่คือศาลเจ้าที่ชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการเคารพในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้
มีชื่อเสียงเรื่องการมาขอพรด้านการศึกษาและการเรียนรู้
เราจะเห็นน้อง ๆ นักเรียน นักศึกษา หรือพ่อแม่พาเด็ก ๆ มาขอพรที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
Map : maps.app.goo.gl/DKSybyfKyXM4nFJB8

อีกหนึ่งไฮไลท์คือระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้า
จะมีสะพาน Taiko Bridge เป็นสะพานขนาดใหญ่สีแดงสดทอดตัวผ่านบึงน้ำ
เชื่อกันว่าสะพานแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ช่วง หมายถึง “อดีต ปัจจุบัน และอนาคต”
มีความเชื่อกันว่าถ้าได้ข้ามสะพานนี้ จะเป็นการช่วยชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดได้

อีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดเลยคือ “นาเดอุชิ” รูปปั้นวัวที่อยู่ก่อนถึงสะพาน Taiko
มีความเชื่อว่าถ้าได้ลูบตรงส่วนไหนของรูปปั้นวัว
จะทำให้อาการเจ็บปวดที่ร่างกายตรงส่วนนั้นทุเลาบรรเทาลงได้
หรือถ้าใครได้ลูบหัวก็จะเป็นคนหัวดี ฉลาด มีโชคในการเรียนการสอบอีกด้วย

𝟎𝟐𝟐 𝐆𝐚𝐧𝐬𝐨 𝐇𝐚𝐤𝐚𝐭𝐚 𝐌𝐞𝐧𝐭𝐚𝐢𝐣𝐮 𝐍𝐢𝐬𝐡𝐢𝐧𝐚𝐤𝐚𝐬𝐮 (ร้านข้าวหน้าเมนไทโกะ)
ว่ากันว่ามาถึงฟุกุโอกะก็ต้องกินเมนไทโกะ เราก็เลยเลือกมาที่นี่ Ganso Hakata Mentaiju Nishinakasu
ร้านข้าวหน้าเมนไทโกะที่เปิดตั้งแต่ปี 2010 ต้องขอเตือยว่าถ้ามาช่วงเวลาของมื้ออาหารนั้นคิวยาวมาก
ข้าวเมนไทโกะของที่นี่จะเป็นเมนไทโกะสูตรพิเศษห่อสาหร่ายทะเลที่แช่ในซอสปรุงรสด้วยมืออย่างพิถีพิถัน
วางบนข้าวสวยและสาหร่ายอาริอาเกะโนริหนึ่งชั้น ท้อปด้วยใบเพริลลา เมล็ดงาและเส้นพริกเพิ่มสีสัน
เสิร์ฟมาในกล่องเบนโตะแบบพิเศษอาริตะยากิ และเขามีซอสสูตรพิเศษของเรา “เมนไทจู โนะ ทาเระ” ไว้ให้เราราดบนข้าว กินพร้อมกับน้ำซุปเผ็ดเมนไทโกะและเส้นลวกหนึบ ๆ เข้ากันแบบไม่อยากจะเชื่อ
Map : maps.app.goo.gl/vuPJ6sYN8Cxi86iV8

𝟎𝟐𝟑 𝐘𝐚𝐭𝐚𝐢 𝐊𝐞𝐧𝐳𝐨
คืนสุดท้ายก่อนบายฟุกุโอกะ เรามากันที่สตรีทฟู้ดแห่งสุดท้ายของประเทศญี่ปุ่น
ที่บอกว่าเป็นแห่งสุดท้ายเพราะที่อื่น ๆ เขาจัดระเบียบกันไปหมดแล้ว
ซึ่งมันก็แปลกตาเหมือนไม่เคยเห็นที่ไหนในญี่ปุ่นมาก่อนจริง ๆ
ภาพร้านอาหารในรถเข็น มีพื้นที่นั่งรอบรถ
ตั้งอยู่เลียบริมน้ำท่ามกลางบรรยากาศเมืองอันศิวิไลซ์
ฟีลชายสี่หมี่เกี๊ยวบ้านเรา แต่อาหารของเขาจะเป็น
ราเมน โอเด้ง ยากิโซบะ ปิ้งย่าง อิซากายะ อาหารชุด ฯลฯ แต่ละร้านจะขายอาหารต่างกันไป
เมนูลิ้นวัวย่าง และเมนไทโกะ เป็นเมนูสุดฮิตให้ทุกคนได้ล้อมวงกินแกล้มเบียร์
เอาดี ๆ แม้จะอยู่ริมทางแต่รสชาติไม่ไก่กานะ สู้ร้านในภัตตาคารได้แบบสูสีเลย
และร้านอื่น ๆ เขาก็มีความโดดเด่นต่างกันไป บ้างมีอายุถึง 50 ปี
บ้างเปิดถึงตี 3 เป็นขวัญใจขี้เมามาซดซุปให้สร่าง
อีกความชอบคือบรรยากาศสุดเถิดเทิงทำให้ได้เห็นญี่ปุ่นอีกมุมถูกใจเราเป็นอย่างยิ่ง
Map : maps.app.goo.gl/5b8sD46xMgEjf8qk8

สุดท้ายเราก็เลือกบินกลับไทยด้วยสายการบิน Vietjet เช่นเดิม
ทริปนี่ถือเป็นทริปที่เราประทับใจมาก พีคทุกวัน ไฮไลท์ทุกโลเคชั่น
อย่าลืมว่าเราสามารถบินตรงจากไทยไปฟุกุโอกะได้แบบง่าย ๆ แล้ว
มีบินตรงทุกวัน ราคายังน่ารัก ใคร ๆก็สามารถจ่ายได้
จองได้เลยที่ www.vietjetair.com