โฮเทลมิวส์ แบงค็อก โรงแรมสุดหรู ย่านใจกลางเมือง ที่เหมาะกับการไปพักผ่อนหนีทุกความวุ่นวายในชีวิต แล้วไปสร้างประสบการณ์ใหม่ ที่เหมือนพาเราย้อนกลับไปในอดีต ช่วงเวลายุคทองแห่งการเดินทาง เหมาะมาก ๆ กับการไปพักผ่อนแบบ staycation เพราะเราไม่ต้องขับรถออกต่างจังหวัดไกล ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปก็ยังได้ และสิ่งสำคัญคือเค้ามี facilities จัดเต็ม สามารถไปใช้งานได้โดยไม่ต้องออกไปไหนตลอดการเข้าพักกันเลยทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่า โฮเทลมิวส์ แบงค็อก เค้ามีอะไรดีอีกละก็ ตามมาชมกันได้เลย
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
FB : Hotel Muse, Bangkok
Discover more >> https://bit.ly/46KDPUQ
Tel : 02-6304000
พิกัด : maps.app.goo.gl/UvwkB2GLRxRiS8d8A


โฮเทลมิวส์ แบงค็อก โรงแรมสุดหรู ย่านใจกลางเมือง ที่เหมาะกับการไปเปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อน กับการเล่าเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศของยุคทองแห่งการเดินทางในช่วง ค.ศ. 1920 ได้เป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นยุคทองของเอเชีย เพื่อเปิดประสบการณ์เหนือระดับ และสร้างเรื่องราวที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นในกรุงเทพมหานคร ความพิเศษและแรงบัลดาลใจแต่ละโรงแรมบูติคของ MGallery Collection บอกเล่าเรืองราวความพิเศษ เชิญชวนให้ผู้เราได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวของการผจญภัย ความโรแมนติก ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และ สิ่งต่างๆ ให้เป็นที่น่าจดจำระหว่างที่การเข้าพัก ที่ไม่เหมือนใคร ร่วมค้นหาสิ่งเหล่านั้นได้ที่นี่




ความโดดเด่นคือภายในห้องพักเนรมิตให้เราได้สัมผัสความเป็นยุโรปคลาสสิกผสมผสานความงามวิจิตรในสไตล์เอเชียที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์สุดหรู ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโรงแรม 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่โต๊ะทำงาน บาร์ ทีวี Wifi แท่นวาง iPod (Docking Station) อุปกรณ์ชงชากาแฟครบเซ็ต หรูหราและครบครัน สมกับที่ได้รับรางวัลมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งทางด้านการออกแบบและการบริการ ซึ่งรวมถึงรางวัล Trip Advisors travellers choice award ประจำปี 2016 ให้บริการที่พักสไตล์บูติกซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ความเก๋คือชื่อห้องพักของที่นี่จะตั้งตามชื่อของสวรรค์ชั้นต่างๆ วันนี้เราเข้าพักกันที่ห้อง ดาวดึงส์ คอร์เนอร์ ดีลักซ์ (มิวส์ แกรนด์ ดีลักซ์) พื้นที่: 39 ตร.ม ห้องพักสไตล์บูติกพื้นที่โอ่โถง มีเตียงขนาดคิง ไซส์ ที่บอกเลยว่านุ่ม เด้ง นอนสบายจนอยากนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบมีขาสิงห์ สามารถแช่อ่างไปพรางดูหนังฟังเพลงในห้องน้ำไปพราง ห้องอาบน้ำแยกออกจากกันเป็นสัดส่วน จากห้องพักด้วยกระจก ที่มีม่านให้เลื่อนขึ้นลงได้ อ่างล้างหน้าสวยหรู กระจกสไตล์เวเนเชียนและพื้นหินอ่อนสีดำ แถมเมื่อเปิดม่าน ยังได้เห็นวิวกว้าง ๆ ของเมืองกรุงอีกด้วย


เช็คอินแชะชื่นชมกับห้องพักเรียบร้อย เราก็ลงมาที่ล็อบบี้ เพื่อรับของว่างตามประสาคนชิวในวันพักผ่อน ที่นี่คือ เลอ ซาลอน เลานจ์ ที่เปิดให้บริการสำหรับการผ่อนคลายทุกช่วงเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ช่วงเช้าจะไว้สำหรับมื้อเร่งด่วน อย่างอาหารเช้าที่ให้บริการในรูปแบบ คอฟฟี่แมทช์ ที่มีทั้งเบเกอรี่หอมกรุ่น อบใหม่ทุกวัน และในตอนบ่ายเราสามารถเพลิดเพลินไปกับ “ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์มิวส์” อร่อยกับสโคนสูตรต้นตำรับทานคู่กับคอตครีมและแยมสูตรโฮมเมด แซนด์วิช และขนมอบนานาชนิด เสิร์ฟพร้อมชาพรีเมี่ยมหรือกาแฟ เฟรช บรู ในราคา 990++ ต่อ 2 ท่าน มาจิบชายามบ่ายพร้อมนั่งพูดคุยสบาย ๆ สไตล์วินเทจที่เลานจ์แห่งนี้ได้ตั้งแต่เวลา 14:30-17:30 น. ต่อด้วยยามเย็นหลังเลิกงาน มานั่งตอนยอนเลือกเครื่องดื่มแก้วโปรดสักหนึ่ง พร้อมกับอาหารจานเด็ดไม่ว่าจะเป็น อาหารไทย อาหารยุโรป หรืออาหารว่างอย่างแซนด์วิช เรียกว่ามาที่เดียว ได้ครบ อิ่ม คุ้ม ทั้งสามมื้อเลย

ในส่วนของ Afternoon tea ของเราวันนี้ ทางโรงแรมก็จัดมาอย่างอลังการงานสร้าง ตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น เมนู Afternoon Tea setSavoury Canapes- Watermelon Gazpacho (แตงโม, หอมแดง, แตงกวา, สมุนไพร)- Mini croissant sandwich (ครัวซองเนย, แฮม, ชีส, ผักคอส, มะเขือเทศ)- Mortadella mousse with pistachio (ขนมปังกรูตอง, แฮม, ครีมชีส, ถั่วพิสตาชิโอ้)- Smoke Salmon tart with creme frauche (ทาร์ตแซลมอนรมควันจากนอร์เวย์, ครีม, พาเมซานชีส)- Sear scallops and crispy cauliflower (หอยเซลล์ย่าง, ครีม, ดอกกะหล่าทอดกรอบ)Sweet Canape- Lemon tart (ทาร์ตเลม่อนเคิร์ต, เมอแรง)- Cheesecake with berries jam (ชีสเค้ก, แยมเบอร์รี่)- Brownie (บราวนี่, วิปครีม)- Apple Crumble (ทาร์ตแอปเปิ้ลสดที่นำไป caramelized ตกแต่งด้านบนด้วยครัมเบิ้ล)- Chocolate mousse (มูสดาร์กช็อกโกแลต, รัม, ครีม แล้วจะบอกเลยว่าอร่อยลงตัวทุกเมนู จิ้ม ๆ มามั่วยังได้เลย


ช่วงเย็น ๆ ถ้าอยากได้บรรยากาศชั้นดาดฟ้าแนะนำให้ขึ้นมาที่ เดอะสปีคอีซี่ รูฟท๊อป บาร์ (ชั้น 24) คือห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะ ที่นี้เราจะสามารถชมวิวเมืองได้แบบเต็มตา แบบไม่มีอะไรมากั้น แล้วถ่ายรูปสวยฉ่ำ แน่นอน เพราะบรรยากาศดี หรูหรา โรแมนติก เหมาะกับการพาคนรู้ใจไปเดท จิบค๊อกเทลไปพราง ๆ มองตากันไปพร้อมกับชมวิวเมืองสวย ๆ ใต้แสงไฟมืด ๆ สลัว ๆ บอกเลยว่าได้ความประทับใจดีดีกลับไปกันแน่นอน


เมดิชี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ เป็นร้านอาหารอิตาเลียน ที่จะไม่แนะนำไม่ได้ เพราะที่นี่ได้รับรางวัลเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดจาก Thailand Tatler ชื่อของร้านถูกตั้งขึ้นมาตามตระกูลเมดิชี ผู้ซึ่งเคยมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี นำเสนออาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม ใช้วัตถุดิบที่มาจากประเทศอิตาลีอย่างแท้จริง อย่างที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ภายในร้านตกแต่งให้กลมกลืนกับธีมหลักของโรงแรม ด้วยโค้งเหล็กดัดอันวิจิตรและแฝงด้วยความสวยทันสมัย ความน่าหลงใหลและความลี้ลับชวนให้ค้นหา คือคอนเซปต์หลักเริ่มตั้งแต่บันไดทางเดินที่โค้งลงมาจากชั้นล็อบบี้ ไปจนถึงบาร์ที่สูงโปร่งโล่งตาด้านล่าง แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและทันสมัยได้อย่างลงตัว

เมดิชี คิทเช่น แอนด์ บาร์แห่งนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงการทำอาหารแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่ใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี สำหรับอาหารจานที่พิเศษน่าลิ้มลอง ทั้งโฮมเมดพาสต้าที่ผสมระหว่างแป้งและไข่ นอกจากนี้ยังมีข้าวรีซอตโต้อีกด้วย สำหรับใครที่ชอบทานเนื้อ แนะนำสเต็กแกะ โฮมเมดฟัวกราส์ ราวิโอลี่ฟัวกราส์ พาสต้าล็อบสเตอร์นำเข้าจากบอสตัน ใด ๆ คือจะบอกว่า สำหรับเราแล้ว ยกให้ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนอันดับต้น ๆ ในดวงใจของเราเลย


อาหารเช้าโรงแรมก็คือจุดเช็คอินสำคัญในการเข้าพักของเราเลย เพราะอย่างที่รู้กันว่าแต่ละที่ก็จะมีอาหารที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป และจะบอกว่าที่นี้เค้ามีครบไม่แพ้ที่ไหนๆเลย ทั้งคาว หวาน ไทย จีน ฝรั่ง และ ที่เราชอบเลยคือการตกแต่งห้องอาหารที่คงคอนเซ็ปของความหรูหรา จุบอกว่าอย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ลงมาถ่ายรูปกันด้วยนะ


สระว่ายน้ำ ของโรงแรมจะคงคอนเซ็ปความหรูหราย้อนยุค เป็นสระขนาดยาว ที่สามารถว่ายน้ำไปด้วยชมวิวเมืองสวยๆไปด้วย เบื่อๆ ก็นอนอาบแดดได้ แถมที่สำคัญถ่ายรูปสวยทุกมุมจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายกันรัวๆ เพราะวิวเมืองสวยอลังการมาก



ฟิตเนสจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ทำให้เราสามารถออกกำลังในห้องฟิตเนสเสร็จก็สามารถออกไปว่ายน้ำต่อได้เลย อุปกรณ์ออกกำลังกายก็คือครบครัน และที่สำคัญ สามารถชมวิวเมืองสวยๆได้ด้วยระหว่างออกกำลังกาย