หนึ่งในลิสต์ที่พักในฝันของเราสองคน พื้นที่แห่งความสุขดินแดนแห่งสรวงสวรรค์บนหาดเขาหลัก จ.พังงา
รีสอร์ทที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ที่พำนักของเหล่าเทวดา” สมชื่อ 𝐃𝐞𝐯𝐚𝐬𝐨𝐦 𝐊𝐡𝐚𝐨 𝐋𝐚𝐤 𝐁𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐑𝐞𝐬𝐨𝐫𝐭 & 𝐕𝐢𝐥𝐥𝐚𝐬
ภายในเนื้อที่ 18 ไร่ 69 ห้องพักและวิลล่าแสนจะเป็นส่วนตัว บรรยากาศความร่มรื่นเขียวขจีของสวนสวย ๆ ความสดใสของทะเลเขาหลักลงตัวไปกับและสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เปอร์เซีย และหลายอารยธรรมทางการค้าแห่งเส้นทางสายไหม ทำให้เราได้ใช้เวลาของการพักผ่อนอย่างเต็มที่และมีระดับสุด ๆ
นอกจากนี้ที่พักยังมีห้องอาหารที่ได้รับรางวัล MICHELIN ถึง 2 ห้องอาหารด้วยกันทั้ง𝐃𝐞𝐯𝐚𝐬𝐨𝐦 𝐁𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐆𝐫𝐢𝐥𝐥 ห้องอาหารสวยริมหาด เน้นอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน อาหารทะเล เหมาะกับการมาดินเนอร์ชมแสงเย็นดูพระอาทิตย์ตก
𝐓𝐀𝐊𝐎𝐋𝐀 𝐓𝐡𝐚𝐢 𝐑𝐞𝐬𝐭𝐚𝐮𝐫𝐚𝐧𝐭 ห้องอาหารไทยแบบใต้แท้ มีเมนูอาหารไทยโบราณหายากให้ได้ลอง สำหรับสาวกอาหารใต้แนะนำเลย
นอกจากนี้ยังมีฟิตเนส สปา คิดส์คลับ ทั้งยังมีกิจกรรมให้เล่นแบบจุใจไม่ว่าจะ Kayaking, Paddle Board, และ Surf Board จักรยาน รับรองได้เลยว่าภายในพื้นที่แห่งนี้ จะเป็นพื้นที่แห่งความสุขที่เราได้พักผ่อนเต็มที่แบบทิ้งทุกความเหนื่อยล้าของชีวิตไปเลย
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
FB : Devasom Khao Lak Beach Resort & Villas
Inbox : m.me/devasomkhaolak
Tel : 076-592277
Line : @devasomekhaolak

นอกจากดีไซน์ที่สวย หรูหรา โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมแล้วนั้น แต่ละซีซั่นเทวาศรม เขาหลัก ยังออกแบบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้มาเยือนได้สัมผัสและอิ่มเอมกับการพักผ่อนในรูปแบบของแต่ละคน พร้อมบริการการดูแลที่เอาใจใส่ที่สุดประทับใจ การมาเยือนที่นี่จึงเหมือนได้เดินทางไปสู่อาณาจักรแห่งการผ่อนคลายที่โอบล้อมด้วยเสน่ห์แห่งรอยอารยธรรมอุษาคเนย์



‘Devasom’ มาจากคำภาษาสันสกฤตสองคำ คือ ‘Deva’ แปลว่า เทวดา และ ‘Ashram’ แปลว่าที่พักอาศัย
Devasom จึงแปลว่าที่พักของเหล่าเทวดา จึงไม่แปลกใจที่เราจะรู้สึกได้ว่าตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาเหมือนได้ใช้ชีวิตบนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน ให้เราได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับโลกอันแสนหรูหราและมีเสน่ห์

บรรยากาศและสถาปัตยกรรมทั้งความร่มรื่นเขียวขจีของสวนสวย ๆ ความสดใสของชายหาดและทะเลเขาหลัก ตัดกับอาคารที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เปอร์เซีย และหลายอารยธรรมทางการค้าแห่งเส้นทางสายไหม ทุกอย่างถูกออกแบบมาอย่างลงตัว

เริ่มต้นทริปด้วยการมาเช็คอินที่ล็อบบี้ แค่นี้เราก็สัมผัสได้ถึงความหรูหรา ลักซัวรี อบอุ่น มาพร้อมการต้อนรับดี ๆ และบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ตัวล็อบบี้เปิดโล่ง โปร่งสบาย รับลมเย็น ๆ และเห็นวิวทั้งทะเลและทะเลสาบมาบรรจบกัน ถือเป็นวิวที่สวยมาก

สิ่งที่ทำให้เราประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกเลยคือการให้บริการต้อนรับอย่างจริงใจ ยิ้มแย้ม สดใส เป็นการเปิดประตูสู่เสน่ห์ของที่นี่เลย

หลังจากเช็คอินแล้ว เราก็พร้อมเดินทางเข้าไปยังห้องพัก ตรงทางเข้ามีฆ้องใบใหญ่เป็นกิมมิกให้เราได้ตีเอาฤกษ์เอาชัยเสมอนการบอกกล่าวเทวดาด้านในว่าเทวดาองค์ใหม่กำลังจะเข้าไปแล้วนะ

หลังจากนั้นเราก็เดินผ่านประตูบานใหญ่และเดินตามทางเดินทอดยาว ที่มองตรงเข้าไปจะเห็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือซุ้มประตูโค้งมองไปเหมือนทรงของเจดีย์ให้กลิ่นอายป้อมปราการของอินเดีย หรือจะตีไปอีกแบบหนึ่งคือนั่นคือทางไปสู่สวรรค์ก็ได้ แค่นี้ก็สวยและรู้สึกดีให้รู้สึกถึงพลังงานบวกเพิ่มเอเนอจี้ได้แล้ว

การใช้งานพื้นที่ 18 ไร่ ของที่นี่มีทั้งหมด 69 วิลล่าเท่านั้น มีพื้นที่ส่วนกลางให้เราได้ใช้มีเยอะมาก แต่ละห้องพักนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสวยอุดมสมบูรณ์และสวนมะพร้าว ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลอันดามันและทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติ ให้ความเป็นส่วนตัวมาก ๆ และภายในห้องพักทุกห้องนั้นกว้างขวาง พื้นที่ใช้สอยเยอะและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ห้องพักที่นี่มีหลายรูปแบบด้วยกันคือ Seaside Grand Deluxe , Seaside Junior Suite with jacuzzi , Seaside ‘Pool Paradise’ Suite , Beachfront Pool Villa , Two Bedroom Beachfront Pool Villa , ‘Devasom Sky Villa’ Two Bedroom Pool Penthouse

𝐒𝐞𝐚𝐬𝐢𝐝𝐞 ‘𝐏𝐨𝐨𝐥 𝐏𝐚𝐫𝐚𝐝𝐢𝐬𝐞’ 𝐒𝐮𝐢𝐭𝐞
ห้องพักของเราในทริปนี้คือห้องสวีท ‘Pool Paradise’ ริมทะเลขนาด 105 ตารางเมตร คือกว้างมากกกกก เดินเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่นที่แยกออกจากห้องนอน ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องแต่งตัวที่แยกโซนกัน ลุกออกมาจากเตียงก็จะมีสระน้ำให้เราได้แช่ตัวชมวิวทะเลและทะเลสาบสีฟ้าให้เราได้มองอย่างสบายตาด้วย ทุกอย่างก็คือลงตัวไปหมด

ถ้าจะไม่พูดถึงชุดเครื่องนอนที่วางเด่นอยู่กลางห้องก็คงไม่ได้ เราชอบมาก ๆ ที่ได้นอนบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่พิเศษ 7 ฟุต นอนกันสองคนคือสบายมากไม่มีเบียดไม่อึดอัด ผ้าห่มหนา หมอนใบใหญ่ให้เราได้หลับสบายทั้งคืนแน่นอน


ในห้องนั่งเล่นมีโซฟาพร้อมโต๊ะกลางที่มาพร้อมผลไม้และขนม มีบาร์เครื่องดื่มพร้อมมินิบาร์ระดับพรีเมียม เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ พร้อมด้วยน้ำผลไม้คั้นสดประจำวันแช่ให้ในตู้เย็น อีกทั้งยังมีทีวีและเครื่องเสียงระบบเสียง Bose ที่มีบทเพลงบรรเลงอยู่ขับกล่อมใจเราตลอดเวลา

กลางห้องมีอ่างอาบน้ำพร้อมด้วยเซ็ตเครื่องหอม น้ำมันหอม เกลือ ใยบวบขัดตัว ให้เราได้ปรนนิบัติผิวไปมองวิวไป ฟินสุด ๆ


ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือระเบียงขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของห้องเรา เดินออกมาเราจะเจอกับเก้าอี้อาบแดด 2 ตัว และสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบอินฟินิตี้ (5x 2.4 ม.) ให้เราได้เล่นน้ำไปชมวิวทะเลสาบและทะเลและมีเตียงอาบแดดกลางแจ้งให้นอนอาบแดดได้ด้วย และอีกหนึ่งความน่ารักที่เราชอบมากคือ หลังจากเล่นน้ำเสร็จเราสามารถเปิดประตูอีกบานเข้าไปห้องอาบน้ำได้เลยโดยที่ไม่ต้องให้พื้นห้องเปียก


𝐏𝐨𝐨𝐥
นอกจากที่นี่จะมีชายหาดกว้าง ๆ พร้อมกับน้ำทะเลใส ๆ แล้ว หากเราเดินออกมาเพื่อไปชายหาด เราจะได้เจอกับสระว่ายน้ำสีเทอร์ควอยส์รายล้อมด้วยเก้าอี้และร่มชายหาด เป็นสระว่ายน้ำกลาง เด่นตระหง่านอยู่ริมหาดอีกด้วย ตรงนี้เป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของผู้เข้าพักเลยก็ว่าได้เพราะป๊อปปูลาร์สุด ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อเล่นน้ำ อาบแดด ไปเดินเล่น ทำกิจกรรมที่ชายหาดเสร็จก็มานอนชิลรับลม นี่แหละคือการพักผ่อนของแท้


มาที่สระน้ำแล้วก็อย่าลืมมาเช็คอินที่กำแพงบันได ถ่ายรูปกับอีกหนึงแลนด์มาร์คของเทวาศรมด้วยล่ะ ตรงนี้ให้ฟิลเหมือนอยู่ดินเดียเลย เพราะเค้าได้แรงบันดาลใจจากอ่างเก็บน้ำเก่าแก่ของอินเดีย ซึ่งหากใครเคยไปอินเดียและได้เข้าชมบาวรีหรือบ่อน้ำแบบขั้นบันไดก็จะรู้เลยว่านี่แปหละใช่เลย

ขายไปหลายรอบแล้วว่าที่นี่มีชายหาดที่กว้าง น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศดี และเป็นส่วนตัว ที่สำคัญคืออย่างที่รู้กันว่าเขาหลักนั้นมีหาดที่หันหน้าทางทิศตะวันตก ทำให้ตรงนี้ป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และแน่นอนว่า ชายหาดที่เทวาศรมก็เช่นกัน เราได้รับประสบการณ์พระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก ๆ

𝐒𝐮𝐫𝐟 & 𝐁𝐨𝐝𝐲𝐬𝐮𝐫𝐟 & 𝐊𝐚𝐲𝐚𝐤 & 𝐒𝐔𝐏
ด้านหน้าติดหาดกว้าง ส่วนรอบข้างรีสอร์ทนั้นรายล้อมด้วยสวนมะพร้าวและธารน้ำทะเลสาบธรรมชาติทำให้เราได้ทัศนียภาพที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ และตรงทะเลสาบสามรรถทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น Kayaking, Paddle Board, และ Surf Board ได้


𝐃𝐞𝐯𝐚𝐬𝐨𝐦 𝐁𝐞𝐚𝐜𝐡 𝐆𝐫𝐢𝐥𝐥 | 𝐁𝐚𝐫
มาถึงร้านอาหารริมหาดสุดป๊อปอย่าง เทวาศรม บีช กริล แอนด์ บาร์ ร้านอาหารที่ได้รับมิชลินไกด์มาหลายปีซ้อน เราได้ฝากท้องไว้ที่นี่หลายมื้อเลยทีเดียว ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น เพราะเราชอบบรรยากาศของที่นี่เป็นพิเศษ ด้วยความที่อยู่ริมหาด ให้เราได้เทควิวทะเลเต็ม ๆ รวมไปถึงที่นั่งที่สามารถเลือกนั่งห้องแอร์เย็น ๆ หรือริมสระสวย ๆ ก็ได้

ที่นี่มีเมนูอาหารหลากหลายให้เราได้เลือกสั่ง ทั้งซีฟู๊ดและนานาชาติ และเปิดให้บริการทั้งกลางวันและยามค่ำคืน อาหารทะเลก็มีทั้งนำเข้าและจากประมงท้องถิ่น

สำหรับมื้อกลางวันเราขอแนะนำเป็นอาหารอาหารอิตาลีและอาหารเมดิเตอร์เรเนียนไม่ว่าจะพิซซ่า พาสต้า บาร์บีคิว สเต๊ก ที่นำรสชาติดั้งเดิมมาเสิร์ฟให้เราได้ลิ้มรส


อีกหนึ่งมื้อที่อยากแนะนำคือดินเนอร์ เพราะเราจะได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกแบบฟิน ๆ พร้อมทั้งเมนูอาหารไม่ว่าจะเป็นซีฟู๊ดที่ย่างกันแบบสด ๆ จนกลิ่นยั่วยวนมาถึงโต๊ะหรือมื้อบุฟเฟต์ที่มีสเต๊กแบบบราซิลมาชูโรง



จิบค็อกเทลริมหาดยามเย็นก็มีความสุขไปอีกแบบนะ

ช่วงค่ำของคืนวันศุกร์และเสาร์จะมีการแสดงควงไฟมาให้เราได้ชมกันด้วย


𝐓𝐀𝐊𝐎𝐋𝐀 𝐓𝐡𝐚𝐢 𝐑𝐞𝐬𝐭𝐚𝐮𝐫𝐚𝐧𝐭
อีกหนึ่งห้องอาหารที่เราภูมิใจนำเสนอในฐานะคนใต้ นั่นก็คือห้องอาหารตะโลา ซึ่งเป็นร้านอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่ง ที่เสิร์ฟอาหารไทยแท้ในบรรยากาศชิล ๆ แถมได้รางวัล บิบ กูร์มองต์ (Bib Gourmand) จาก Michalin Gide Thailand หลายปีซ้อนเช่นกัน บรรยากาศในห้องอาหารมีความสบาย ๆ กว้างขวาง ออกแบบตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ผสมผสานความร่วมสมัยและเอกลักษณ์แห่งเมืองตะโกลาได้อย่างลงตัว มีทั้งโซนอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ให้เลือกนั่ง


มื้อเที่ยงสุดพิเศษของเรานั้นเริ่มจาก ‘ข้าวดอกข่า’ ที่เป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองเฉพาะถิ่นที่มีแหล่งปลูกดั้งเดิมอยู่ในจังหวัดพังงา ต่อด้วยเมนูประจำภาคใต้ต่าง ๆ ทั้ง หมูฮ้อง น้ำพริกตะโกลา แกงเหลืองปลากะพง และใบเหลียงผัดไข่ ตบท้ายด้วยของหวานอย่างสาคูน้ำกะทิ รสชาติแบบต้นตำรับใต้แท้ ๆ ขอแนะนำเลย แล้วที่สำคัญวัตถุดิบต่าง ๆ นั้นล้วนเป็นสินค้าในชุมชน ง่าย ๆ คือเราได้ทานอาหารแสนอร่อยที่มาจากผลิตภัณฑ์จากชุมชนแทบทั้งสิ้น


ในส่วนของอาหารเช้าก็จัดให้เราที่ห้องอาหารตะโกลาเช่นกัน บริการบุฟเฟต์อาหารเช้าอันหลากหลาย พร้อมเสิร์ฟทั้งสไตล์ Local, International และ Healthy รวมถึงยังมีอาหารท้องถิ่นและขนมเจ้าดังในพื้นที่เป็นเมนูพิเศษประจำวัน วัตถุดิบทุกอย่างพรีเมียมและรสชาติอร่อยด้วย


“𝐊𝐚𝐧𝐨𝐦 𝐊𝐫𝐨𝐤” 𝐓𝐡𝐚𝐢 𝐒𝐧𝐚𝐜𝐤 𝐃𝐞𝐦𝐨 𝐂𝐥𝐚𝐬𝐬
ที่เทวาศรมมีกิจกรรมมากมายให้เราได้เลือกทำ ตามวันและเวลาในตาราง สำหรับวันที่เราเข้าพักมี Cooking Class ให้เราได้เลือกเข้าร่วมด้วย จึงทำให้เราได้ประสบการณ์การทำขนมครกจากการเข้าร่วมเวิร์คช็อป และได้กินขนมครกอร่อย ๆ ฝีมือตัวเองด้วย

𝐃𝐞𝐯𝐚𝐬𝐨𝐦 𝐒𝐩𝐚
อีกหนึ่งความประทับใจของเราคือสปาของที่นี่ ซึ่งเขาบอกว่าคอนเซ็ปต์ของสปาล้อไปกับชื่อของโรงแรม จึงเปรียบสปาเป็นดั่ง สระโบกขรณี (สระบัว) เป็นแหล่งที่เหล่าบรรดาเทวดาและนางฟ้ามาเก็บเกี่ยวดอกบัวไปถวายพระพุทธเจ้า ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าสู่สปาแห่งนี้ จะสัมผัสได้ทันทีถึง ความสงบ รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย


ที่นี่นำศาสตร์ของตะวันออกและศาสตร์โลกตะวันตกมาเจอกันเพื่อให้เกิดคอร์สทรีทเม้นท์ ทั้งการนวดอโรมา เทอราปี (Aroma Therapy) บำบัดด้วยกลิ่น หรือการนวดไทย นวดลูกประคบ ถือว่าเป็นภูมิปัญญาไทย ที่นำสมุนไพร และความร้อน มาช่วยบำบัด สำหรับสายนวดผ่อนคลาย เราขอแนะนำ Luxury Spa มีซิกเนเจอร์โดยใช้ “พลังหินบำบัด” Jewel of the East เป็นการนำศาสตรของตะวันตกและตะวันออกมารวมกัน นวดโดยใช้น้ำมันอุ่นสูตรพิเศษผสมทองคำ 24 K กลิ่นดอกบัวขาว พร้อมบำบัดด้วยหินจักระ 7 ชนิด ที่จะช่วยบำรุงผิว เพิ่มพลังชีวิตและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของเราได้อย่างดี

𝐓𝐡𝐞 𝐋𝐢𝐛𝐫𝐚𝐫𝐲
พื้นที่ส่วนกลางอีกหนึ่งที่ที่เราชอบมากคือห้องสมุดขนาด 98 ตารางเมตร เป็นห้องกระจกใสโปร่งโล่งสบาย มีการเปิดแผ่นเสียงให้เราได้นั่งฟังชิล ๆ สารมารถมานั่งทำงาน จิบกาแฟได้


𝐊𝐢𝐝𝐬 𝐂𝐥𝐮𝐛
หากมาพักแบบครอบครัวก็สามารถพาเด็ก ๆ มากรี๊ดกร๊าดที่คิดส์คลับได้ ห้องกว้างมีเจ้าหน้าที่สุดใจดีคอยดูแลตลอด

𝐅𝐢𝐭𝐧𝐞𝐬𝐬
สำหรับสายสุขภาพที่นี่ก็มี Fitness เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และนอกจากนี้ยังมีหลักสูตรสุขภาพ กิจกรรมเพิ่มประสบการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ มวยไทย และอื่น ๆ ให้ได้ลองอีกเพียบ

อีกหนึ่งวิลล่าที่เราอยากแนะนำคือ Beach Pool Villa และ Beachfront Pool Villa ได้พักผ่อนในวิลล่าติดทะเล นอนฟังเสียงคลื่นแถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบนี้ รับรองเลยว่าสุขภาพจิตและอารมณ์จะดีไปอีกยาว ๆ แน่นอน


สำหรับทริปที่ำักในฝันของเรานั้น เราได้รับความประทับใจกลับบ้านไปแบบเต็มเปี่ยม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทวาศรม เขาหลัก เป็นอีก destination หนึ่งที่ต้องมาให้ได้ นอกจากจะได้มุมถ่ายรูปสวย ๆ การพักผ่อนที่เต็มที่แล้ว ยังมีความละเมียดละไมในการส่งมอบประสบการณ์ในแบบฉบับเทวาศรมเท่านั้นแบบหาที่ไหนไม่ได้ รับรองความประทับใจแบบ 10 10 10 เหมือนเราชัวร์
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว