เพียงคนละ 750.- รวมอาหารเช้า-เย็นและเล่นน้ำฟรี ณ บ้านน้อยกลางป่าที่เพียงแค่เห็นภาพหน้าบ้านเราก็ฝันหวานว่าได้ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่รอช้าทักไปหาเพื่อนแล้วบอกว่ามึงเราต้องไปที่นี่ให้ได้นะ ‘บ้านธารชีวี อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่’ โฮมสเตย์เปิดใหม่ในหมู่บ้านแม่แมะ บรรยากาศดี มีลำธารไหลผ่านหน้าบ้านให้เราได้ชื่นใจ ทั้งอาหาร คาเฟ่ ขนมและการบริการก็ประทับใจ ในเรื่องของห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้เราได้นอนสบายไม่ลำบาก อย่ามัวแต่ลังเล อย่าบ่นว่าไกล ถ้าเรามีใจ เชียงใหม่ก็แค่ปากซอย
.
ทริปนี้เราบินตรงจากสุวรรณภูมิมาเชียงใหม่ด้วยสายการบิน VietJet
และเช่ารถจาก กินเที่ยว รถเช่า kinteawrentacar เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ขับตรงจากสนามบินมาถึงบ้านแม่แมะนี่แหละ
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
FB : บ้านธารชีวี Tarnchevee :: แม่แมะ เชียงดาว เชียงใหม่
Tel : 099-4144265
พิกัด : goo.gl/maps/zDTT8tH8ggYbm9Qb8
น้องเจ้าอาวาส เจ้าเหมียวรีเซฟชั่นขี้วีนของที่นี่ พร้อมรับแขกอย่างดี หน้าตาดีจะยอมนั่งบนตัก แต่ถ้านิสัยน่ารักถูกใจเหมียวก็ได้บริการพิเศษขึ้นไปเอนเตอร์เทนถึงห้องนอน
ข้อมูลควรรู้
1. บ้านธารชีวีอยู่ที่หมูบ้านแม่แมะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ขับรถจากตัวเมืองมาถึงที่จอดรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
2. ค่าบริการคนละ 750 บาท รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม อาหารเย็นเป็นอาหารเมือง หากใครอยากทานหมูกระทะสามารถสั่งไว้ล่วงหน้าได้ ชุดละ 399 บาท
3. ต้องเดินเท้าลงมาด้านล่างระยะทางประมาณ 200 เมตร เช่นเดียวกัน ขากลับต้องเดินขึ้นไป เพราะฉะนั้น เตรียมเสื้อผ้าและของจำเป็นแบ่งใส่เป้มาให้พร้อม อย่าลืมอะไรนะ เดินขึ้นไปมีเหนื่อยแน่
4. ที่นี่อากาศเย็นและมีน้ำใสๆ ไหลผ่านทั้งปี ถ้ามาช่วงหน้าหนาวควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาให้พร้อม
5. ควรเดินทางให้ถึงที่พักก่อน 5 โมงเย็น เนื่องจากทางขึ้นดอย ไม่มีไฟ และทางแคบมาก ควรใช้ความระมัดระวังในการขับรถ
6. พิกัดจอดรถคือวัดแม่แมะ(ทรายคำ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ goo.gl/maps/4w4BuDvmeTR1vgXTA
7. ที่นี่คือป่า มีต้นไม้และแหล่งน้ำ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีแมลงและยุง ให้เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน หรือสเปรย์กันยุงมาให้พร้อมด้วย
8. น้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ไวไฟ มีให้พร้อม
9. เช็คอินได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เช็คเอ้าท์ก่อนเวลา 12.00 น. งดใช้เสียงหลัง 22.00 น.
10. ไม่อนุญาตให้นำอาหาร และเครื่องดื่มจากภายนอกเข้ามาทานภายในที่พัก ที่นี่มีเบียร์ น้ำ โซดา น้ำแข็ง อาหาร ขายอยู่นะหรือหากใครอยากทานเหล้า ไวน์ก็แบกลงมาเอง แบกลงมาแล้ว ต้องแบกขวดเปล่ากลับไปทิ้งเองด้วย
11. ทางที่พักมีบริการหิ้วกระเป๋าน้า มีค่าบริการช่วยหิ้วไป-กลับ 200 บาท
12. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟเยอะ ๆ ทางที่พักไม่อนุญาตให้นำมาใช้นะ สามารถพกที่ชาร์ตแบตกล้อง มือถือ แล็ปท็อปอะไรแบบนี้มาได้
13. สูบบุหรี่ในที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น
14. สามารถมานั่งทานอาหาร จิบกาแฟ กินขนมได้ที่ชั้นล่างของโฮมสเตย์ แม้ว่าไม่ได้เข้าพักก็มานั่งเอาบรรยากาศได้น้า
อาหารเย็นของที่นี่เป็นเซ็ตอาหารเมือง แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ผักลวก แกงฮังเล ลาบคั่ว และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ พร้อมกับผลไม้ รสชาติดี ขอเพิ่มได้หากไม่อิ่ม หรือถ้าใครอยากชิลก็สั่งหมูกระทะได้นะ ชุดละ 399 บาท
โฮมสเตย์บ้านธารชีวีมีห้อง 3 แบบ มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง
-ห้องชลธี และห้องวาปี พักได้ห้องละ 4 คน
-ห้องอัมพุพักได้ 6 คน
-ห้องธารธาดาพักได้ 12 คน
โดยจะคิดราคาเป็นรายคน 750 บาทต่อคนเท่ากัน หากมา 2 คนก็ปิดไปเลย 1 ห้อง ไม่ได้ให้นอนรวมกับกรุ๊ปอื่นน้า
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาเชียงใหม่แบบง่ายและสบายสุด ๆ ก็คงต้องเลือกบินมาที่สนามบินเชียงใหม่ด้วยสายการบินของคนเก๋อย่าง Vietjet จากสุวรรณภูมิมาถึงเชียงใหม่แว๊บเดียว หลับยังไม่ทันถึงตื่นก็ถึงจุดหมายกันแล้ว แถมเวลาดี ราคาดี มีโปรฯ ตลอดๆ ไปจองกันได้ที่ SkyFUN.vietjetair.com เว็บไซต์ใหม่ ไฉไล จองง่ายกว่าเดิม สะดวก ไม่มีค่าตัดบัตรเครดิต แถมสะสมพ้อยท์ได้ด้วยนะ
รถเช่าทริปเชียงใหม่
มาเชียงใหม่ทุกครั้งเรามั่นใจในการเลือกใช้รถจากร้านรถเช่าเจ้าประจำของเรานั่นก็คือ กินเที่ยว รถเช่า เชียงใหม่ kinteawrentacar ทั้งบริการ ความใส่ใจ ความน่ารักของสต๊าฟและการตอบคำถาม รวมไปถึงไม่ว่าเราจะต้องการรถแบบไหน ไซส์ไหน ขนาดไหน ที่ร้านก็มีให้ครบตามที่ต้องการเลย อันนี้เชียร์เป็นการส่วนตัว และแนะนำสุดชีวิตเลย
ติดต่อรถเช่า
FB : กินเที่ยว รถเช่า kinteawrentacar เชียงใหม่ และ ภูเก็ต
Tel : 084-1775554
จากตัวเมืองเชียงใหม่มาถึงที่นี่ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการแวะข้างทางและความชำนาญของคนขับ เมื่อมาถึง เราก็จอดรถที่จุดนัดพบและเดินลงไปด้านล่างใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงริมลำธารที่มีน้ำใสไหลผ่านเย็น ๆ หันมาทางซ้ายก็จะเห็นบ้านไม้หลังหนึ่งตั้งเด่นอยู่ริมลำธารเลย นี่แปลว่าเรามาถึงบ้านธารชีวีเรียบร้อยแล้ว
เดินลงมาแบบรัว ๆ ได้มา ๅ เหนื่อยก็ขอนั่งพักเอารูป เอ๊ยเอาแรงก่อนแล้วกัน
เข้ามาในตัวบ้านจะเจอโซนคาเฟ่และรีเซฟชั่นมีความน่ารัก ประดับประดาด้วยของที่ระลึก สินค้าท้องถิ่นให้เราได้เลือกสรรค์กลับบ้านกันได้ หรือหากอยากจิบกาแฟ รินชา กินเค้ก ก็สั่งมานั่งทานได้
น้องเจ้าอาวาส เหมียวน้อยขี้วีนรอต้อนรับแขกด้วยใบหน้าเหวี่ยง ๆ ของนาง แม้ว่าจะชอบอ้อนมนุษย์แค่ไหน แต่ก็ฟอร์มจัดชอบวีนเค้าไปทั่ว จะเข้าหาน้องต้องระวังตัวหน่อยน้า บางจังหวะน้องก็ตะปบไว 555+ แต่ถ้าได้ใจเมื่อไหร่ น้องตามติดแจไม่ไปไหนเลย
นุดที่บ้านมีแมวยัง อยากได้เจ้าอาวาสไปป่วนในหัวใจมั๊ย
ขึ้นมาชั้น 2 ที่ห้องพักกันบ้าง ตรงนี้ก็มีชานบ้านให้มาานั่งเล่นชมวิวลำธารได้ แถมยังมีห้องน้ำส่วนกลาง พื้นที่ส่วนกลางให้ชงกาแฟ ชงโอวัลตินกินได้ตลอดเวลาเลย
ห้องพักของเราวันนี้คือห้องชลธี ภายในห้องมีที่นอนกว้าง ๆ และห้องน้ำส่วนตัว มีพัดลมระบายอากาศ และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้เรารู้สึกถึงความสะอาด พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกครบตามความจำเป็น ไม่ได้หรูแต่อยู่สบายแน่นอน
นอนเล่นบนห้องจนพอใจเราก้ลงมานั่งเล่นชั้นล่างฟังเสียงน้ำไหลกันบ้าง เราชอบการมีน้ำดื่มให้บริการทุกจุดและหนังสือให้เลือกอ่านมาก ๆ เลย
จะถ่ายรูปมุมไหนก็ดีไปหมด
แนะนำอีกมุมคือฝั่งตรงข้าม สามารถเดินข้ามลำธารไปถ่ายรูปเข้ามาที่ตัวบ้านได้ ตรงนี้จะได้รูปตัวบ้านแบบเต็ม ๆ เลยแหละ
ที่นี่มีเก้าอี้แคมป์ไว้ให้เรานั่งเล่นและสามารถลากมานั่งในน้ำตก แช่ขาชิล ๆ เอาฟิลลิ่งสักหน่อย
ช่วงประมาณ 17.30-18.00 น.ก็จะเป็นช่วงเวลาของอาหารเย็น ที่นี่จะแบ่งอาหารแยกเว็ตไว้ให้ของแต่ละกรุ๊ปเลย ซึ่งสามารถขอเติมได้น้า
ช่วงฟ้าเริ่มมืด แสงไฟหน้าบ้านจะยิ่งสวย ส่งให้ตัวบ้านยิ่งดูอบอุ่นมากขึ้น ดูแล้วมันน่าพักผ่อนยาว ๆ เหลือเกิน
และแล้วทริปธรรมดา ๆ ที่ไม่ธรรมดาของเราก็จบลงแล้ว ความสุขเล็ก ๆ ของการได้เปลี่ยนที่นอน สละความสบายที่เคยชินเพื่อมาพบกับสิ่งสวยงามนอกบ้าน ใช้เวลากับต้นไม้และลำธารมันทำให้เราประทับใจไม่รู้ลืมไปอีกนาน ที่สำคัญยังได้รูปสวยไปอวดคนที่บ้านและเพื่อนๆ ในโลกโซเชี่ยลให้ใครต่อใครก็บอกว่า จึ้งมาก สวยจัง อิจฉาสุด ๆ ได้อีกด้วย
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว