ฤดูน่านแบบนี้ถ้าในลิสต์เที่ยวไม่มีที่นี่ถือว่าผิดเพราะนี่คือหนึ่งในที่พักสุดฮอตของจังหวัดน่าน ‘Boklua River Hills’ ที่พักน่ารัก ๆ แบบลัคซูรี่อันดับต้น ๆ ของบ่อเกลือที่เรามากี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกซ้ำ ไม่เคยรู้สึกเบื่อ เมื่อก้าวเท้าเข้ามา ทุกคนจะรู้สึกได้ว่า นี่คืออีกโลกหนึ่ง ที่ให้ความเป็นส่วนตัว ความสงบ และพบเจอแต่ความฟิน ลืมความวุ่นวาย แช่อ่างจิบไวน์ กินให้อิ่ม นอนหลับให้สบาย ตื่นมาทักทายหมอกที่จุดชมวิว ว่าง ๆ ก็จิบชา สปาเท้าด้วยเกลือ เวลาเหลือ ๆ ก็ปิ้งหมูทะเฮฮาตามประสาคนมีความสุข ทำทุกอย่างตามแบบฉบับที่คนพักผ่อนต้องทำกัน ที่สำคัญอาหารทุกเมนูของที่นี่อร่อยมาก อร่อยจนใช้คำว่าอร่อยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และคราวนี้เราได้เปิดซิงห้องใหม่ Panoramic Oasis Villa ได้วิวสวยและชิลสุด ๆ เชิญชาร์ตพลังให้เต็มที่กันในทริปนี้ได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
FB : Boklua River Hills
Tel : 061 196 3665 (คุณต๋อง)
พิกัด : goo.gl/maps/Pmkm6LhevHEZGUFd9.
มันจะดีแค่ไหนถ้าได้ตื่นมาเจอแบบนี้ที่หน้าห้องตัวเองในยามเช้า
และ IG Spot ที่ต้องมาถ่ายรูปให้ได้เมื่อมาที่นี่ จุดชมวิวที่ต้องใช้ความวาบหวิวเข้าสู้หมอกนี่เอง
ความดีงามของที่นี่คือทุกห้องมีอ่างอาบน้ำแฮนด์เมดไม่มีที่ไหนเหมือน และทุกห้องไม่มีแบบซ้ำกันเลย อย่างห้องของเพื่อนเราห้องนี้ เป็นอ่างใหญ่ที่มีความบาหลีมีความป่า ร่มรื่นเหมือนแช่น้ำอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 5 หลัง แต่ละหลังมีความแตกต่างกันไป แต่มีสไตล์และได้รูปสวยทุกหลัง และสำหรับทริปนี้เรามานอนที่ห้องใหม่ล่าสุด Panoramic Oasis Villa ซึ่งเป็นห้องที่วิวเปิดกว้าง ดีไซน์ดี อ่างอาบน้ำสวย ตื่นเช้ามาเจอหมอกเลย
เมื่อมาถึงที่พัก จอดรถเข้าที่เรียบร้อย เราก็จะเจอกับน้องไมโลรีเซฟชั่นสี่ขาของที่นี่ ซึ่งเจ้าไมโลกลายเป็นอีกหนึ่งกิมมิคของที่นี่ไปแล้ว ด้วยความแสนรู้ น่ารัก น่าเอ็นดูและเป็นมิตรกับทุกคน ทำให้ไมโลเป็นขวัญใจลูกค้ายืนหนึ่งในย่านนี้ ใครแวะไปก็อย่าลืมซื้อขนมไปฝากน้องด้วยน้า
เจ้าไมโลเดินมาส่งเราถึงห้องสปากันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทำงานคุ้มค่าตัวเหลือเกิน
ความดีเลิศด้านบริการอีกหนึ่งอย่างที่ทำ Boklua River Hills สามารถชนะใจนักท่องเที่ยวทั้งหลายได้ก็คือ การต้อนรับแบบเอ็กคลูซีฟด้วยการแช่เท้ากับเกลือสปา เอาเท้าจุ่มน้ำอุ่น ๆ มีการปรับอุณหภูมิเท้าด้วยน้ำเย็นน้ำอุ่นตามขั้นตอนแบบไม่ฝืนร่างกาย ทำให้เรารู้สึกรีเล็กซ์สุดๆ เลย เกลือของที่นี่ก็คือเหลือที่ได้จากจากบ่อเกลือผ่านการคั่วด้วยสมุนไพรและดอกไม้ มันคือความประทับใจสุด ๆ ของการต้อนรับแบบที่โรงแรมห้าดาวยังหาได้ยาก
แช่เท้าแบบสบายกันแล้วก็ถึงเวลาของ Afternoon Tea ซึ่งที่นี่มีให้ทั้งชากาแฟ ขนมไทย เบเกอรี่ ผลไม้ และทีเด็ดของที่นี่เลยคือไอศกรีมกะทิโฮมเมด อร่อยฟินแถมยังจัดมาแบบน่าถ่ายรูปสุด ๆ
ไอศกรีมกะทิโฮมเมดนี่ขอแนะนำเลย ถ้ามากับแฟนแล้วแฟนไม่กินก็ขอมากินได้เลย เพราะอร่อยและหาที่ไหนไม่ได้
เอาล่ะ เดินไปห้องพักกันดีกว่า
และห้องพักของเราทริปนี้ ก็คือห้องใหม่ล่าสุด Panoramic Oasis Villa ซึ่งเป็นห้องที่วิวเปิดกว้าง ดีไซน์ดี อ่างอาบน้ำสวย ตื่นเช้ามาเจอหมอกเลย ที่นี่สนใจรายละเอียกเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกแบบฟังก์ชั่นสำหรับการเข้าพักให้ครบทุกอย่างแต่ยังคงกลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
นอกจากห้องดี วิวสวยแล้ว สิ่งที่พิเศษมากๆ อีกอย่างคือที่นอน หมอน และผ้าห่ม ที่นี่เค้าใช้ของดี ระดับโรงแรมหรู ๆ เลยนะ และจะบอกว่าเค้าเปลี่ยนใช้ของใหม่ทุก ๆ 3 เดือนกันเลย หลับสบายมากนุ่มกำลังดีทำให้วันพักผ่อนของเราเป็นวันพักผ่อนที่ดีจริงๆ
มุมเด่นของห้องนี้คือ อ่างอาบน้ำกับตาข่ายชมวิวหน้าห้องมองยอดดอยฟิน ๆ ให้ได้รูปปัง ๆ
อ่ะไหน ๆ ก็มาที่นี่หลายรอบแล้ว จะขอแนะนำห้องที่เรามาคราวก่อนซื่งปังไม่แพ้กันนั่นก็คือห้อง Grand Oasis Villa เป็นบ้าน 2 ชั้น มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แม้จะเป็นบ้านหลังเดียวกันแต่มีความเป็นส่วนตัวแยกกันชัดเจน มีระเบียงทั้งชั้นล่างและชั้นบน มีส่วนกลางให้นั่งคุย ปาร์ตี้กันพอกรุบกริบ มีมินิบาร์เป็นขนมต่างๆ สามารถหยิบกินได้ทุกอย่าง ซึง่ราคาที่พักจะเริ่มต้นที่ 4,900 บาท (ราคาที่พักรวมอาหารเช้า สปาเท้า เวลคัมดริ้ง บาธโฟม เกลือสครับขัดผิว)
ในห้องพักดีไซน์ไม่ได้หรูหราอะไร ใช้โครงสร้างเป็นปูนเปลือยสลับไม้ แต่มีสไตล์และเข้ากันกับบรรยากาศโดยรอบ แม้ว่าจะไม่มีแอร์ ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น สำหรับเราคิดว่าสิ่งที่เพิ่มความลักซูรี่ของที่นี่คือ การบริการและข้าวของเครื่องใช้ที่จัดสรรมาให้เรา ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของดีมีคุณภาพเทียบเท่าโรงแรมหลายดาว ราวกับว่าเราคือ เจ้าหญิงผู้หนีออกมาพักผ่อนที่บ้านตากอากาศส่วนตัว
มื้อเย็นในแบบฉบับท้าลมหนาวก็หนีไม่พ้นหมูกระทะแน่นอน ที่นี่สามารถรีเควสได้ว่าอยากทานหมูกระทะหรืออาหารเหนือเมนูพิเศษแบบเชฟเทเบิ้ล ซึ่งรอบนี้เราพัก 2 คืน เลยเลือกทั้งสองแบบเลย แต่หมูกระทะที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะ ดูสิ เค้าจัดมาแบบอลังการงานสร้างอยู่เด้อ
แต่ถ้าจะให้เรียกว่ามาถึงที่นี่จริง ๆ ต้องมีอาหารฝีมือคุณแม่ ซึ่งเป็นเซ็ตจาวเหนือแต้ ๆ คุณแม่ปรุงเองด้วยใจมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ รับประกันได้เลยว่าทุกเมนูคือล้ำค่าและใช้คำว่าอร่อยฟุ่มเฟือยมาก ทุกคนต้องว้าวและประทับใจสุด ๆ และการมาที่นี่ 3 ครั้งเราก็ยังคงรักเมนู ปลาทับทิมทอดสมุนไพร และแกงไก่ต้นตำหรับแบบชาวเหนือ ที่เชื่อเลยว่าใครชิมก็ต้องชอบเมนูนี้เหมือนเราแน่ๆ
อิ่มท้องกันกลับไป นอนหลับสบายยันเช้า ตื่นมาก็พบวันใหม่ที่สดใสพร้อมถ่ายรูปกันอีกแล้ว
เช้าดี ๆ แบบนี้ เหมาะกับคนหน้าตาดีจะออกมาสร้างภาพสุด ๆ ไปเลย
ศาลาถ่ายรูปยังคงสวยและมีหมอกลอยฟุ้ง ๆ อยู่ไกล ๆ ได้บรรยากาศสุด ๆ ไปเลย
หลังจากได้ภาพที่จุดชมวิวแล้ว เราก็กลับมาเอาภาพสวยๆ ที่หน้าห้องกันต่อเลย
ถ่ายรูปจนหนำใจก็ตัดไปที่อาหารเช้ากันบ้าง อย่งาที่บอกว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการใช้คำว่าอร่อยฟุ่มเฟือย ก็ไม่แปลกใจที่อาหารเช้าจะจัดหนักจัดเต็ม โดนใจสายกินกันไปทุกคน ปกติอาหารเช้าจะมาเป็นรูปแบบบุฟเฟต์ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เลยกลายเป็นเซ็ตใหญ่ ๆ จัดวางที่โต๊ะไว้ให้แบบส่วนตัว แต่ยังคงความอลังการแน่นโต๊ะ ข้าวต้มเอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย หมูปิ้ง ไส้กรอก เมนูเฮลทตี้ เครื่องดื่มมีมาครบ ขนมไทยผลไม้ เยอะมากกินเพลิน ๆ กันไปเลย
อีกอย่างที่ห้าพลาดเลยคือ มื้อเที่ยงของที่นี่สามารถมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวทีเด็ดได้ ชามใหญ่เครื่องแน่นให้เยอะ ที่สำคัญยังคงคอนเซ็ปใช้คำว่าอร่อยได้ฟุ่มเฟทอยมากเช่นเดิม
และแล้วก็ถึงเวลาแยกย้าย บอกลาที่นี่ไปอีกแล้ว ทริปพักผ่อนสุดประทับใจ ได้พลังกลับมาเต็มเปี่ยม มันคือการชาร์ตแบตที่ยอดเยี่ยมของวันหยุดในฝันของทุกคนเลยก็ว่าได้ แล้วคราวหน้าเราจะกลับมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ การบริการดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ แบบนี้อีกนะ บ๊ายบาย
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว