บางครั้งเราก็อยากออกไปมีความสุขกับธรรมชาติและวิถีชีวิตเรียบง่าย วันนี้เราจึงมาแปลงกายเป็นสาวอีสานบ้านนาน่ารักน่าหยิกกับ 1 ใน 60 เส้นทางแห่งความสุขและการแบ่งปันที่ ททท. และพันธมิตรร่วมกันสร้างขึ้นมาเพราะเชื่อว่าการได้ร่วมกันแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวให้กับสังคมจะกลายเป็นความสุขที่ยั่งยืน ตามคอนเซ็ปที่ว่า “ความสุขแท้จริง เริ่มต้นจากการแบ่งปัน” และ 2 วัน 1 คืนต่อจากนี้ เราจะพาไปสัมผัสวิถีชาวไทกวนแห่งบ้านนาถ่อน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พาทุกคนไปสวัสดีบ้านนาซาบซ่ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นกับคำขวัญติดปากว่า ‘เสร็จนา หญิงทอผ้า ชายตีเหล็ก’ ใส่บาตรข้าวเหนียว จับเคียวลงนา พักสายตานั่งทำสปาเกลือ เวลาเหลือๆ ก็ไปชมการตีเหล็กแบบโบราณ ทอผ้า จักสาน ชิมอาหารถิ่น และถึงถิ่นนครพนมด้วยการไหว้พระธาตุพนมปิดท้าย เป็นการบอกกู๊ดบายอย่างสมบูรณ์แบบ
โดยแคมเปญนี้ มีข้อเสนอพิเศษจากเหล่าพันธมิตร เช่น สายการบินไทยสมายล์ นกแอร์ และแอร์เอเชีย รถเช่าจาก Travel I Go และอื่น ๆ ในราคาพิเศษ นักท่องเที่ยวสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมทั้ง 60 เส้นทางความสุขและการแบ่งปัน “Happiness we can share”
Web : https://bit.ly/5volunteer
FB : 60 เส้นทางความสุข
#60เส้นทางความสุข #Amazingไทยเท่ #HappinessWeCanShare #บันทึกคนขี้เที่ยวไปนครพนม
ชาวบ้านชนเผ่าไทกวนหรือไทพวนที่บ้านนาถ่อน มีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตอนบนของประเทศลาวในปัจจุบัน เมื่อประมาณ 250 ปีมาแล้ว และได้มีผู้นำชื่อท้าวไชย ทรงยศ นำพาชาวบ้านอพยพลงมาพบกับลำห้วยบังฮวก ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ราบลุ่มมีไม้ถ่อนปกคลุม ร่มเย็น และมีทุ่งกว้างใหญ่ และเพื่อเป็นมงคลนามตามสัญลักษณ์ทุ่งนา บวกกับไม้ถ่อนจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านนาถ่อนทุ่ง” จนถึงปัจจุบัน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า “ชุมชนบ้านนาถ่อน” เป็น 1 ใน 60 เส้นทางความสุขและการแบ่งปัน “Happiness we can shere” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและพันธมิตรร่วมกันสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวและการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ด้วยคอนเซปต์ที่ว่า “ความสุขแท้จริง เริ่มต้นจากการแบ่งปัน” จึงทำให้วันนี้เราได้มาที่นี่เพื่อต่อยอดความสุขนี้ส่งให้ถึงทุกแกที่อ่านอยู่ทุกคนไงล่ะ
หลังจากแลนดิ้งสู่แผ่นดินนครพนมแล้ว พี่ๆ ในชุมชนก็มารอรับเราจากสนามบินพาลัดเลาะริมโขงชมวิวไปเรื่อยๆ และมาเริ่มเข้าสู่ชีวิตจริงด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นกับการแว๊นเต่าพ่วงข้างนั่ง 3 สุดเท่เอกลักษณ์ประจำชุมชนแห่งนี้นี่แหละ เป็นไงล่ะ นั่งพ่วงข้างเลาะริมนา แค่เปิดฉากมาก็เด็ดสะระตี่แล้วมะ
ศาลปู่ตาแสง
เข้ามาในหมู่บ้านแล้วจะไม่มาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักษ์รักษาชาวไทกวนมายาวนานอย่าง ปู่ตาแสง ศาลประจำหมู่บ้านที่สร้างขึ้นมาเพื่อคารวะ ขอพร ไหว้บรรพบุรุษ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณของชุมชนอันเป็นที่นับถือของชาวบ้านนาถ่อนมาอย่างยาวนาน และทุกๆ วันที่ 25 ตุลาคม ของทุกปี จะมีพีธีการรำบวงสารวงศาลปู่ตาแสง เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวไทกวนต่อไป
พิกัด : goo.gl/maps/Lxzg79RJcxftzMHo8
การตีเหล็กแบบโบราณ
เอาฤกษ์เอาชัยไหว้ขอพรปู่ตาแสงเรียบร้อยแล้ว เราก็มาชมวิธีตีเหล็กแบบโบราณที่มีการสืบทอดมาจากจากบรรพบุรุษเสมือนเป็นตราประจำตำบล ประวัติของการตีเหล็กว่ากันว่า สมัยนั้นขุนพินิจแสนเสร็จซึ่งเป็นกำนัน ได้ไปติดต่อบาทหลวงซาเวียร์ชาวฝรั่งเศสจากเมืองเชียงหวาง แขวงคำม่วน ประเทศลาว มาสอนชาวบ้านตีเหล็ก เพื่อให้เป็นอาชีพและกิจกรรมของชาวบ้านยามว่าง หลังหน้าฤดูทำนาแล้ว
บอกก่อนเลยว่า เราไม่เคยเห็นการตีเหล็กแบบโบราณอย่างวันนี้เลย กรรมวิธีในการตีเหล็กมันดูสนุกและยากผสมกันไป การตีเหล็กแบบโบราณใช้แรงงานคนตี ทำเตาเหล็กด้วยดินเหนียว สูบลม ทำด้วยกระบอกไม้ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง สูบลมเป่าถ่านด้วยมือ ใช้ตะไบเหล็กแต่งคม เราเห็นชาวบ้านเอาเหล็กที่เผาร้อน ๆ มาทุบ มาตี แค่นี้ก็เหนื่อยแทนแล้ว
ในเมื่อการตีเหล็กเมื่อกี้อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนบ้านนาถ่อนวิทยานุกูล ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นที่ตั้งของกลุ่มจักสาน สปาเกลือ และทอผ้าขาวม้าด้วย เราเลยขอปักหลักอยู่ตรงนี้ยาว ๆ เลยแล้วกัน
พิกัด : goo.gl/maps/M6tcDaE4DjkuZEWm7
สปาเกลือสินเธาว์จากบ่อมะเฮน
ที่บ้านนาถ่อนมีบ่อเกลือสินเธาว์ด้วย และทำเราเลิฟสุดๆ นั่นก็คือ การได้ทำสปาเกลือนี่แหละ ที่นี่เป็นสปาเกลือแห่งเดียวในนครพนมเลยนะ สปาเกลือที่นี่มีให้เลือก 3 สูตร ซึ่งจะมีส่วนผสม ประกอบไปด้วย เกลือสินเธาว์ ขมิ้นผง ครีมบำรุงผิว น้ำมะขามเปียก กาแฟ ดอกอัญชันแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวแต่ละคน ซึ่งการทำสปาเกลือที่นี่จะเป็นลักษณะการนวดจุดคลายเส้นตามฝ่าเท้า เพราะฝ่าเท้าคือศูนย์รวมของเส้นประสาทของร่างกาย
งานจักสาน
ที่บ้านนาถ่อนมีการปลูกไม้ไผ่ไว้ในป่าชุมชน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาชีพจักสาน ซึ่งถือเป็นอาชีพเสริมของคนในชุมชน โดยสมาชิกที่เข้าไปปลูกไม้ไผ่เอาไว้ ก็สามารถที่จะนำไม้มาใช้ประโยชน์ในด้านการจักสานได้ และงานจักสานที่นี่ดีเลิศสวยงามน่าใช้ไม่แพ้ที่ไหนเลยด้วย
และเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงแล้ว เย้ๆ อาหารเย็นวันนี้ของเรา ก็คืออาหารพื้นถิ่นเมนูไทกวน รสชาติเด็ดแซ่บซ่านถึงใจ ทั้ง ปลาลวกสมุนไร ต้มไก่ลาดใบหมากขามอ่อน แจ่วแมงแคง ฟินสุดๆ อิ่มแปร้ไปเลย
อิ่มท้องแล้วก่อนตะวันจะลับฟ้าไป เราก็นั่งซ้อนพ่วงข้างไปทุ่งนาใหญ๋ชมวิถีชีวิตและเก็บภาพท้องนาไว้ในเมมโมรี่สักหน่อย
นี่ถ้าเตรียมชุดลงนามาพร้อมนะ จะลงไปปักกล้าดำนาบ้างซะแล้ว
เดินเล่นริมคันนา ถ่ายรูปข้าว รูปหน้า รูปนาจนหนำใจก็ขอปิดท้ายวันที่ที่น้องควายน่ารักตัวนี้แล้วขอล่าไปนอนก่อนแล้วกันจ้า
ตื่นเช้ามาด้วยจิตใจแจ่มใสพร้อมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลของวันใหม่กันแล้ว เราก็มาช่วยยายเปี่ยงนึ่งข้าวเหนียวเพื่อเตรียมใส่บาตร วันนี้เราได้เรียนรู้กระบวนการนึ่งข้าวเหนียวด้วยเตาไฟไม้ฟืนแบบโบราณ การไสว้ข้าวสำหรับใส่บาตรพระ และเรียนรู้เทคนิคการไสว้ ข้าวเหนียวให้เย็นเวลาทานแล้วนุ่มหอมชวนกิน กลิ่นข้าวเหนียวร้อน ๆ ช่วงเช้าตอนท้องว่างนี่ มันตลบอบอวลไปทั่วจนท้องรองจ๊อกจ๊อกเลย
เตรียมข้าวเหนียวใส่กระติ๊บเสร็จแล้ว เราก็มารอใส่บาตรที่สี่แยกญวนใจ ที่นี่เรียกว่าใส่บาตรถวายจังหันพระ หรือการใส่อาหารลงในบาตรพระนั่นเอง เสร็จแล้วเราก็ทานอาหารเช้าพาถอยพระ หรือการเอาข้าวที่เหลือจากใส่บาตรมาเปิบกันต่อฟิน ๆ มันช่างสุขใจกระไรเสียอย่างนี้
อิ่มท้องจนตึงเปรี๊ยะเราก็ต้องขอยืมรถพ่วงข้างจากชาวบ้านแว๊นรอบๆ หมู่บ้านชมบรรยากาศยามเช้า มันช่างชื่นบานใจเสียจริง
การตีเหล็บแบบปัจจุบัน
อย่างที่เคยเล่าไปว่า บ้านนาถ่อนเริ่มการตีเหล็กมาตั้งแต่สมัยขุนพินิจอักษร แสนเสร็จ หรือประมาณ 75 ปีมาแล้ว และหลังจากที่พัฒนาชุมชนเข้ามาส่งเสริมอาชีพตีเหล็กและช่วยการบริหารจัดการกลุ่ม ชาวบ้านก็มีโอกาสไปดูงานที่ต่าง ๆ และนำมาพัฒนาอาชีพของตัวเอง จนมีเครื่องทุ่นแรงเบาแรงให้ใช้จนปัจจุบันกลายเป็นอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน และเป็นสัญลักษณ์ของตำบลนาถ่อนไปด้วย โดยคุณภาพของมีด หรือของมีคมต่างๆ ไม่ด้อยไปกว่าที่ใดเลย
เอาล่ะ แม้ว่ากิจกรรมในหมู่บ้านจะใกล้จบลงแล้ว แต่เรายังมีกิจกรรมข้างนอกที่ชาวบ้านจะพาเราไปชมอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ บ้านลุงโฮฯ และไหว้พระธาตุพนมกันต่อด้วย แต่ก่อนจะไป เราต้องขอแนะนำโฮมสเตย์น่ารัก ๆ ทั้งหลายที่มีในบ้านนาถ่อนให้รู้จักกันสักหน่อย
ไพลินโฮมสเตย์
ทริปนี้เราพักที่นี่ บ้านหลังใหญ่แต่อบอุ่นกลางเมืองนาถ่อน เรียกได้ว่าหากต้องการความศิวิไลซ์ที่สุดในนาถ่อนก็ต้องเลือกมานอนที่นี่
พิกัด : goo.gl/maps/6gpAzjCY8NntVsag6
ป.โฮมสเตย์
โฮมสเตย์น้อยๆ กลางทุ่งนา ชมวิวท้องนาสุดลูกหูลูกตากว้างไกล บรรยากาศนี่ดีงามมากเหมาะสำหรับการออกมาพักสงบๆ กลางท้องทุ่ง
พิกัด : goo.gl/maps/AqyFvggiA3STT1bU6
ดีมาโฮม
ถ้าต้องการบรรยากาศเขียวๆ ฉ่ำๆ ก็ควรเลือกมาพักที่นี่
พิกัด : goo.gl/maps/Gtceej1xcApi3QwVA
วีรวงศ์ โฮมสเตย์
บ้านไม้มีใต้ถุนแบบโบราณให้ความอบอุ่นและใกล้ชิดเจ้าของบ้านแบบโฮมสเตย์ของแท้แน่นอน
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
หลังจากบอกลาพี่ป้านาอาที่บ้านนาถ่อนแล้ว เราก็มาต่อกันที่วัดคู่บ้านคู่เมืองนครพนมมากว่า 2300 ปีที่ประดิษฐานเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ มีสีขาวสลับทอง พระธาตุพนมนั้นมีความสำคัญล้ำค่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์แดนดินถิ่นอีสาน
ที่สำคัญพระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดปีวอกและผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ด้วยนะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/cUXhq52AeYDyNFjy7
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์
ว่ากันว่า เมื่อเกือบร้อยปีก่อนแถวนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของ ประธานโฮจิมินห์ หรือที่คนละแวกนี้เรียกกันว่า ลุงโฮ เพื่อมาหาแนวร่วมกลับไปกู้เอกราชให้กับประเทศเวียดนาม จากเหตุการณนั้น เวียดนามจึงมอบเงิน เพื่อให้สร้าง อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ที่นี่เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ประธานโฮจิมินห์ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
พิกัด : goo.gl/maps/QuZVZk2wrfA4QGHcA
บ้านลุงโฮจิมินห์
หลังจากแวะอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์เพื่อมารื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ด้วยการมาชมบ้านไม้หลังเล็กๆ สีน้ำตาล ที่รายล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ถ้าไม่บอกใครจะรู้ว่านี่คือที่พำนักของลุงโฮจิมินห์อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเมื่อครั้งหนีภัยสงครามในประเทศของตัวเองและมาตั้งหลักเพื่อเตรียมการปฏิวัติกับฝรั่งเศส ก่อนจะย้ายกลับไปเมื่อปฏิวัติชนะ ที่นี่ได้รับการดูแลและปรับปรุงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของใช้และเรื่องราวเหมือนครั้งที่ท่านโฮจิมินห์ยังพำนักอยู่เพื่อให้พวกเราได้มาศึกษาและเยี่ยมชมกันนี่ไง
พิกัด : https://goo.gl/maps/aY2qM1vR5KgEYoCq6
สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน)
ว่ากันว่าโอกาสที่เราจะได้เที่ยวต่างประเทศที่ง่ายที่สุดคือการข้ามสะพานมิตรภาพไปจ้า
และในรูปก็คือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ที่เชื่อมต่อระหว่างไทย (นครพนม) กับลาว(คำม่วน)เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งด้านการค้า และการท่องเที่ยวที่ได้ใช้ร่วมกันทั้งไทย ลาว เวียดนาม และจีน เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วนี่เอง
พิกัด : https://goo.gl/maps/7U3BGv6VmhB73Dst5
Jungle Space Cafe & Bistro
และสุดท้ายก่อนที่เราจะบอกลานครพนมคราวนี้ เราก็ไม่พลาดที่จะขอไปชิมกาแฟหอม ๆ ตักขนมนุ่ม ๆ เข้าปาก พร้อมกับเช็คอินคาเฟ่แสนเก๋แห่งนครพนม ที่ทั้งคูล ทั้งน่ารักแถมยังมีมุมถ่ายรูปให้ได้ไปนั่งเผลอๆ เยอะมาก
พิกัด : goo.gl/maps/DmSwJPqSzrmATUng9
ถึงเวลาบอกลานครพนมอีกครั้งของเรา คราวนี้นอกจากเราจะได้เที่ยว เรายังได้พบกับความสุขมากมาย ความรู้ใหม่เยอะแยะ ได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ แม้หลายๆ อย่างที่ได้เห็นอาจจะเคยเห็นมาแล้ว แต่ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เรายังไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน มันเหมือนเราเองได้ให้ที่นี่ด้วยการมาลองร่วมกิจกรรมกับชาวบ้านทั้งหลาย และชาวบ้านก็มอบความสุขและความรู้กลับมาให้เรา นี่แหละมั้ง แก่นแท้ของคำว่า ความสุขแท้จริง เริ่มต้นจากการแบ่งปัน
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว