เที่ยวกระบี่ครั้งนี้ จะสุขภาพกายดี สุขภาพจิตฟูกว่าครั้งไหน ๆ เพราะเราเลือกมาพักใจในคอนเซ็ปต์ ‘The Wellcation Experience’ ณ Varana Hotel Krabi โรงแรมสไตล์ Minimalist Luxury ที่เอาใจสายรักตัวเองและรักโลก
ทุกอย่างภายในโรงแรมเน้นการพักผ่อนเต็มที่ กินอิ่ม นอนอุ่น อากาศดี มีกิจกรรมให้ได้ออกแรง ยืดเส้นยืดสาย ทั้งเดินขึ้นเขา เล่นโยคะ ฟิตเนส สปา ซับบอร์ด หรือจะเลือกเทคแคร์ตัวเองด้วยความชิลทั้งออนเซ็น ซาวน่า สปา นวดกัวซา ดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนด้วยวิถีธรรมชาติบาบัด ยังไม่หมดเพราะเขามีกิจกรรมให้ออกไปศึกษาเรียนรู้ชุมชนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทุกอณูของการพักที่นี่จะมีแต่ประสบการณ์ดี ๆ สุดอะเมซิ่งแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
.
รายละเอียดเพิ่มเติม
FB : Varana Hotel Krabi
Tel : 075-656989
Reservation: 065-928-6852, rsvn@varanahotel.com
Website: varanahotel.com/kkt
Map : maps.app.goo.gl/e3oNeVJ8d9XY5uQb8
หากใครเคยได้ลองประสบการณ์การพักผ่อนที่ประทับใจสุด ๆ จากเดอะ ทับแขก กระบี่ ต้องบอกเลยว่าที่นี่คือลูกพี่ลูกน้องกับเดอะทับแขก รับประกันความเป็นมืออาชีพ การบริการ ความน่ารักของสต๊าฟและกิจกรรมดี ๆ ที่รังสรรค์มาแบบไม่เหมือนใครแน่นอน เอาแค่การออกแบบและการก่อสร้างที่อยู่บนหลักการแห่งความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ การเน้นย้ำในเรื่อง holistic wellness และ sport activities รวมไปถึงการสร้าง DNA แห่งการเรียนรู้ทุก ๆ ประสบการณ์ที่สนุกสนานและมีคุณค่า รวมถึงเป็นโรงแรมต้นแบบเพื่อความยั่งยืนของโลก แม้แต่การใช้ชื่อ ‘วารานา’ ที่มาจากความเคารพต่อธรรมชาติ วานา หมายถึง ป่า, นาวา หมายถึง น้ำ และ นารา หมายถึง มนุษย์ รูปทรงสามเหลี่ยมแห่งความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและมั่นคง แค่นี้ก็ปังเกินใครแล้ว
Vanara Hotel มีพื้นที่กว่า 20 ไร่ ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์บนเนินเขาเหนืออ่าวทับแขก เป็นจุดที่มองเห็นทะเลและวิวข้างหน้าอันกว้างไกลรวมไปถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่ของอันดามัน นอกจากนี้ยังมีเขาหางนาคหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดกระบี่ไว้เป็นตัวชูโรงให้ได้ไปเดินออกกำลัง ยืดเส้นสายกับแบบหรอยแรง
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสำหรับออกไปเรียนรู้วิถีชุมชน ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ใกล้ชิดชาวพื้นถิ่น ลองทานอาหารท้องถิ่นที่เรียกได้ว่า ใต้แท้แน่นอนอีกด้วย
Sports, Excursion & Activities ของที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าใครเลย เพราะเขามีถึง 4 Swimming Pools แถมยังเป็นโรงแรมแห่งแรกของจังหวัดกระบี่ที่มีสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิก (ขนาด 7 ลู่ ระยะทาง 50 เมตร) และมีสระเด็ก สระสนุกสนาน สระธาราบาบัด เพื่อตอบโจทย์คนที่รักการว่ายน้ำอย่างแท้จริง
อย่างที่บอกไปว่าชื่อปัง ๆ ของ ‘วารานา’ มีที่มาที่ตีความมาอย่างลึกซึ้ง การออกแบบของทุกพื้นที่ในนี้ก็มีความหมายและได้ประโยชน์สูงสุดเช่นกัน ภายใต้แนวคิด Minimalist Luxury ที่ใส่หัวใจของ Sustainability ในมิติการออกแบบตกแต่ง เน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงสวยงาม หรูหรา และ ร่วมสมัย ตามแนวคิด Less is more หรือ น้อยนิดมหาศาล ด้วยการลดทอนวัสดุสิ้นเปลือง แต่มากด้วยประโยชน์ใช้สอย มีความปลอดภัยสูง เน้นโทนสีจากธรรมชาติซึ่งเป็นกลุ่มสี่ให้ความรู้สึกเบา สบาย และที่สำคัญคือ การเน้นเรื่องความยั่งยืนในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง
พื้นที่ได้ถูกจัดวางเป็นกลุ่มอาคารที่พัก 6 หลัง ห้องอาหาร 5 แห่ง ตึกออกกาลังกาย สระว่ายน้ารูปแบบต่างๆ กลุ่มอาคาร สปา บ่อออนเซ็นและสิ่งอานวยความสะดวกอัน ทันสมัย ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่ออกแบบให้กลมกลืนธรรมชาติและที่สาคัญคือไม่เอาเปรียบธรรมชาติผู้เป็นเจ้าของสถานที่ที่แท้จริง
𝐭𝐡𝐞 𝐀𝐫𝐞𝐚𝐬
โรงแรมวารานาประกอบด้วยอาคาร 6 หลัง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและเป็นศูนย์รวมกิจกรรมแบบมืออาชีพ ห้องพักมี 141 ห้อง แบ่งเป็นหลาย Roomtype ทั้ง The Varana Spa Suite, Three Bedrooms Suite Pool Access, Horizon Jacuzzi, Horizon Ocean, Horizon Garden, Luxe Plus Ocean, Luxe Plus Mountain, Luxe Ocean และ Luxe Mountain โดยแต่ละห้องจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่ต่างกัน ทั้งท้องทะเล หมู่เกาะ เขาหงอนนาค สระว่ายน้ำหรือแม้แต่วิวสวน
𝐄𝐧𝐞𝐫𝐠𝐲 𝐒𝐚𝐯𝐢𝐧𝐠
ด้วยความมุ่งมั่นที่บอกว่า เราจะเป็นโรงแรมต้นแบบแห่งความยั่งยืน จึงแน่นอนว่าเรื่องประหยัดพลังงานนั้น ทางนี้ต้องดีต้องเด่น ตั้งแต่การออกแบบโดยใช้เลือกวัสดุรีไซเคิล หรือในเรื่องของการจัดการน้ำที่ดี มีธนาคารน้ำ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเก็บน้ำบริสุทธิ์ไว้ใต้ดิน ทำให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ที่สำคัญคือที่นี่นำเอาแนวคิด ขยะเหลือศูนย์ (Zero waste) มาประยุกต์ใช้กับในทุก ๆ แง่มุม
𝐄𝐕 𝐓𝐮𝐤 𝐓𝐮𝐤
อีกหนึ่งสิ่งที่เราชอบมากคือการใช้ตุ๊กตุ๊กEV โดยการนำตุ๊กตุ๊กเก่ามาถอดเครื่องยนต์ออก แล้วดัดแปลงเป็นรถ EV ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไว้รับส่งกระเป๋าและผู้เข้าพักภายในโรงแรม
𝐒𝐞𝐫𝐯𝐢𝐜𝐞
สำหรับเราแล้ว ในเรื่องของการบริการตั้งแต่วันแรกที่รับจากสนามบินกระบี่จนถึงวันสุดท้ายที่ส่งที่สนามบินนั้นไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องใด ๆ เลย ทุกอย่างไร้ที่ติ และสต๊าฟทุกคนยิ้มแย้ม ทัศนคติในการทำงานดี ได้รับการฝึกอบรมฝนเรื่องของ Service mind มาอย่างมืออาชีพ และนี่คืออีกสิ่งที่เราประทับใจมาก ๆ ของการมาพักที่นี่
𝐉𝐀𝐈
ภายในโรงแรมมีร้านของฝากและงานแฮนด์คราฟต์ที่เป็นฝีมือจากท้องถิ่นมาจัดแสดงให้เราได้เลือกชมเลือกช้อปกันด้วย นอกจากจะได้ของดีและมีคุณภาพแล้ว ยังได้สนับสนุนฝีมือของศิลปินท้องถิ่นด้วยน้า
𝐓𝐡𝐞 𝐑𝐨𝐨𝐦𝐬
และสำหรับทริปนี้ เราเลือกพักที่ห้อง Luxe Plus Pool View ห้องกว้างเตียงนุ่ม ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นสัดส่วน เราชอบสีของเฟอร์นิเจอร์ที่รับกับแสง Day light ที่ทางโรงแรมออกแบบไว้ให้ได้รับแสงเต็มที่ ห้องจึงไม่มึด ไม่ทึบ มีความสมัยใหม่
นอกจากห้องพักที่สวยงามแล้ว ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ยังได้รับการออกแบบอย่างประณีต ทางโรงแรมเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ พรมปูพื้นในห้องนี่ผลิตจากขวดน้ำพลาสติกที่ใช้แล้ว เฟอร์นิเจอร์จากไม้เก่า กรอบกระจกเงาผลิตจากเศษไม้ ผ้าห่มผลิตจากใยไผ่ เป็นต้น
ตรงระเบียงก็ลมดี ออกมาดูวิวได้แบบชิล ๆ เลย
𝐏𝐨𝐨𝐥
สระว่ายน้ำของที่นี่บอกเลยว่าอลังการขั้นสุด ไม่ใช่แค่เพียงสวย แต่คำนวนมาแล้วเรื่องการใช้ประโยชน์และความผ่อนคลายที่จะได้รับ ที่เก๋ไปกว่านั้นคือ ตรงสระว่ายน้ำก็มีบาร์ริมสระอย่าง SIP ที่ทุกคนสามารถมาเอ็นจอยได้
และต้องกระซิบนิดนึงว่าปลายปีนี้จะมี ‘NAAM Wellness Pool’ แห่งแรกในไทย ที่ใช้การบำบัดของสายน้ำเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ด้วยพื้นที่ 1000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 10 เส้นทางของน้ำในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ให้เราได้ดื่มด่ำไปกับการบำบัดของน้ำที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองรับรองเลยว่าจะช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตวิญญาณของคุณอย่างอ่อนโยน รอพบความดีงามได้เลย
ที่นี่มีสระขนาดมาตรฐานโอลิมปิกขนาด 7 ลู่ ระยะทาง 50 เมตร ไว้สำหรับมาฝึกซ้อม ออกกำลัง หรือจะทำกิจกรรมเบา ๆ อย่างพายซับบอร์ดแบบเราก็ได้
𝐒𝐭𝐞𝐚𝐦, 𝐒𝐚𝐮𝐧𝐚, 𝐆𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐇𝐞𝐫𝐛𝐚𝐥 𝐒𝐭𝐞𝐚𝐦, 𝐎𝐧𝐬𝐞𝐧
ใกล้ ๆ สระว่ายน้ำจะมีโดมสามเหลี่ยมรูปทรงน่าสนใจให้เราอยากค้นหาคำตอบ ที่นี่คือโซนของคนชอบความผ่อนคลายของจริง เพราะส่วนนี้คือ Steam, Sauna, Great Herbal Steam, Onsen สิ่งแรกที่เราขอพูดถึงเลยคือออนเซ็น นี่บอกได้เลยว่าเป็นการแช่ออนเซ็นในไทยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยลองมา เพราะเขามีทั้งมีบ่อน้ำร้อน บ่อน้ำเย็น และบ่อน้ำสมาธิให้แช่ระหว่างการอบตัวและยิ่งไปกว่านั้น มีโดม ‘ออนเซ็น’ กลางแจ้ง แห่งแรกของจังหวัดกระบี่ที่มีทั้งบ่อน้าร้อน อุณหภูมิ 38 องศา และ 42 องศา บ่อน้าเย็น 16 องศา ใช้นวัตกรรมนาโนเทโนโลยี ทาให้น้าเกิดฟองออกซิเจนขนาดเล็ก ทำความสะอาดผิวล้ำลึกแถมยังให้บรรยากาศดี ๆ แบบไม่มีที่ไหนเทียบได้
ในส่วนของห้องสตีมและห้องซาวน่า ยังมีจุดเด่นมาก ๆ คือเน้นการใช้สมุนไพรไทยในการอบตัว ไม่ใช่แค่ได้ความอบอุ่นเท่านั้น แต่ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งขึ้นแน่นอน
𝐅𝐀𝐀 𝐒𝐩𝐚
เปิดประสบการณ์ใหม่มากกับการมานวดที่นี่ คอร์สนี้เรียกว่ากัวซาใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น แถมยังช่วยเรื่องการนอนหลับได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีคอร์สนวดอีกมากมาย เช่น บริการนวดแก้ปัญหาการนอนหลับยาก การขับถ่ายความเครียดและความป่วยทางอารมณ์ รวมถึงการนวดเพื่อผ่อนคลายและความงาม นวดเอว S เพื่อขับถ่าย การทากัวซาหน้าเพื่อหลับลึก กดจุดเดรนน้าเหลือง การนวด รักษาอาการ การนวดผ่อนคลายแบบองค์รวม โดยมีบรมครูด้านธรรมชาติบำบัดมาให้การฝึกสอนแก่นักบาบัดทุกคน จึงมั่นใจได้เลยว่า ดีเลิศแน่นอน
𝐆𝐲𝐦
มาพักโรงแรมที่เป็นเลิศด้านการดูแลตัวเองทั้งที มีหรือจะไม่มาสำรวจฟิตเนสของเค้าสักหน่อย ภายในฟิตเนสคือกว้างมาก มีพื้นที่ให้ออกกำลังกายแบบไม่ต้องแออัด แถมชั้นบนของฟิตเนสจะเป็นสตูดิโออเนกประสงค์สำหรับการออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ เช่น Body pump, ต่อยมวย, โยคะ, พิลาทิส รวมถึงซูมบ้า โดยเทรนเนอร์มืออาชีพในทุกประเภทของกิจกรรม นอกจากนี้ยังมี Street Gym บนถนนรอบโรงแรมระยะทาง 1 กิโลเมตร รวมถึงกิจกรรมการเดินป่า และปีนหน้าผาจำลองให้เราได้เลือกออกแรงกันด้วย
เขาหงอนนาค
พูดถึงการเดินป่าแล้ว มีหรือที่เราจะพลาดตื่นเช้ามาเดินขึ้นเขาหงอนนาคชมวิวสวย ๆ ของเมืองกระบี่ เพราะที่ Vanara มีบริการพาเดินป่าพร้อมสต๊าฟผู้เชี่ยวชาญและอาหารเช้ารองท้องพร้อมเครื่องดื่มไว้ให้บริการจนลืมเหนื่อยไปเลย
เขาหงอนนาค เป็นเส้นทางการศึกษาธรรมชาติ ชมความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของป่าเมืองกระบี่ โดยเส้นทางเดินนั้นมีระยะทางประมาณ 4 กม. เดินไม่ยาก เดินขึ้นตอนเช้าไม่ร้อน ระหว่างทางมีจุดชมวิว หรือแวะเที่ยวถึง 13 จุดด้วยกัน และเชื่อเถอะว่า วิวข้างบนนั้นสวยจริง ๆ เราได้เห็นเขา ป่า ทะเล และสายหมอกแบบพร้อม ๆ กันเลย
และไฮไลท์ของที่นี่คือ ชะง่อนผา เขาหงอนนาค ถ้าเห็นรูปก็คงร้องอ่อกันแน่ เพราะเมื่อก่อนเป็นจุดยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มานั่งถ่ายรูปเช็คอินเลย แต่ด้วยความอันตรายเพราะก้อนหินยื่นออกมาแบบไม่มีอะไรกั้น ปัจจุบันจึงมีป้ายติดไว้ว่าห้ามไปยืนบริเวณนั้นแล้ว แม้จพเสียดายแต่ความปลอดภัยก็สำคัญกว่า
𝐋𝐨𝐜𝐚𝐥 𝐋𝐞𝐚𝐧𝐢𝐧𝐠
กิจกรรมคูล ๆ ถ้าหากอยู่ในโรงแรมก็จะมีคลาสทำอาหาร ลงแปลงปลูกผัก สัมผัสธรรมชาติอะไรแบบนี้ แต่หากอยากได้ที่ดีกว่าแนะนำให้เลือกออกมาข้างนอก มาเรียนรู้ท้องถิ่น เจอคนโลคอล แล้วก็ดูวิถีชีวิตแบบเราไปเลย เพราะที่ Vanara ได้จัดกิจกรรมให้เราได้ทำร่วมกับคนในชุมชน เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยว ท้ังด้านวัฒนธรรม อาหาร และศิลปะไปด้วยกัน โดยมีหลายชุมชนให้เลือกไปได้ และวันนี้เราก็มาที่ชุมชนโคกหนองนา มีดูการเลี้ยงผึ้งและชันโรง รวมถึงการเวิร์คชอปทำสบู่น้ำผึ้ง การปล่อยผึ้งคืนสู่ป่า และทานมื้อเที่ยงอร่อย ๆ ที่นี่ด้วย
เราได้ศึกษาการเลี้ยงผึ้ง นิสัยและวิถีชีวิตของผึ้ง รวมไปถึงชันโรง ซึ่งเป็นความรู้ใหม่มาก ๆ เลย วันนี้ถือว่าได้ประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสเต็ปเลยแหละ
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเข้าป่า ไปปล่อยน้องผึ้งกัน
และไฮไลท์ในใจเราเลยคือการได้ทานมื้อเที่ยงแบบฟิน ๆ ด้วยอาหารใต้แท้ ๆ รสชาติจัดจ้าน กินข้าวสามจานไปเลย
𝐓𝐡𝐞 𝐅𝐨𝐨𝐝 𝐚𝐧𝐝 𝐃𝐫𝐢𝐧𝐤𝐬 𝐂𝐮𝐥𝐢𝐧𝐚𝐫𝐲
เรื่องกินเรื่องใหญ่ คำนี้ใช้ได้กับที่นี่จริง ๆ เพราะเขามีห้องอาหารให้เลือกทานเยอะมาก แถมยังมีสวนผักออแกนิค ปลูกผักสลัด ผักเคล ผักชี ต้นหอม คะน้า พริกมะนาว สมุนไพร เช่น ไทม์ พาสลีย์ โรสแมรี สะระแหน่ และเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยอิสระ เป็นต้น ห้องอาหารทั้ง 5 แห่ง เป็นอาหารแนวโฮมเมด เลือกใช้วัตถุดิบที่ปลอดสารพิษ เน้นใช้ผักที่ปลูกเองและอุดหนุนผลผลิตจากชาวบ้าน ชาวประมงท้องถิ่นทั้งสิ้น
𝐍𝐨𝐨𝐤
ห้องอาหารสุดโปรดของเราก็ต้องยกให้เป็น 𝐍𝐨𝐨𝐤 เพราะเราฝากท้องไว้ที่นี่ซะหลายมื้อเลย ที่นี่เป็นห้องอาหารที่ให้บริการแบบ All Day Dining มีทั้งอาหารหลากเมนู กาแฟสด ชา ขนม และไอศกรีม เบเกอรี่ที่ทาสดใหม่ทุกวัน รวมถึงเครื่องดื่มที่หลากหลาย วัตถุดิบทุกอย่างสดใหม่ออแกนิคปลอดสารพิษแน่นอน
𝐗𝐢𝐧
Asian Seafood Kitchen เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารบรรยากาศดี แสงสวย สามารถมาทานมื้อเช้าแบบบุฟเฟต์ได้เช่นกัน
𝐃𝐢𝐧𝐧𝐞𝐫 𝐛𝐲 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐨𝐨𝐥
และที่พลาดไม่ได้คือการดินเนอร์สุดโรแมนติกและส่วนตัวสุด ๆ ที่สระว่ายน้ำ ทั้งสายลม เสียงน้ำไหล แสงไฟ และรสชาติของอาหาร มันทำให้เรานั่งยิ้มหน้าบานด้วยความสุขตลอดเวลาเลย
การมาพักผ่อนรอบนี้คือการได้พักผ่อนที่เรียกว่าสุดยอดของสุดยอดจริง ๆ เพราะเรารู้สึกว่าสวยขึ้น สาวขึ้น และสุขภาพดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจแบบที่ไม่เคยเจอจากที่ไหนมาก่อน เอกลักษณ์ของที่นี่ทำให้เราอยากบอกต่อให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสสักครั้ง ประสบการณ์ดี ๆ ที่สามารถส่งต่อกันได้และจะไม่มีวันลืมเลย
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว