ขอเวลา 1วันไปย่านเสาชิงช้ากินให้สุดแล้วหยุดที่ตัวแตก ตะลุยแหลกตั้งแต่มิชลินไปจนริมทางให้สมกับสโลแกน “อายุน้อยร้อยโล” รู้มั๊ยว่าสมัยนี้นั่ง MRT ลงสถานีสามยอดก็เดินทะลุไปเสาชิงช้าได้แล้ว เพราะเดินทางง่าย เดินกินง่าย ร้านหลากหลาย อาหารครบทุกสไตล์ เราเลยชวนกันมาเดินเก็บแถบนี้ทั้งกินเล่น กินจริง ของหวานของคาว ตั้งแต่ร้านรถเข็น ร้านเก่าแก่ ร้านลับ ร้านเด่นร้านดัง ร้านนั่งร้านเดิน ไปจนถึงร้านมิชลินไกด์มิชลินสตาร์ที่บอกเลยว่า หลายๆ ร้านก็เป็นร้านเจ้าเก่าแก่รุ่นแม่รุ่นอากง บางร้านก็เป็นร้านใหม่แต่ดีไม่แพ้ใคร หรือบางร้านก็เป็นร้านในดวงใจของเราที่อยากจะแนะนำ นอกจากจะพาไปตะลุยเต็มๆ 28 ร้านกรุบ แวะจริง กินจริง ไม่จกตาแล้วยังขอพาเลี้ยวเข้า 3 วัดตั้งแต่วัดสุทัศฯ วัดเทพธิดาฯ และวัดราชนัดดา เอาความล้ำค่าของประวัติศาสตร์มาฝากเป็นของแถมให้นิดหน่อยด้วย
ตั้งใจเอามาฝากขนาดนี้ ไม่เปิดดู ไม่เปิดอ่าน ไม่ได้แล้วป่ะแก
ลองกดดูรูปด้านใน ถ้าไม่สะดวกไปที่ร้านก็กดสั่งผ่านแอพมาส่งถึงที่บ้าน
เพิ่มตัวเลือกให้เที่ยงนี้มีไอเดียใหม่ๆ ไม่ซ้ำเดิม
สถานที่ : บ้านขนมปังขิง เสาชิงช้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/wXKtH2q1X4Cnm2ai9
สถานที่ : ร้านหมูปิ้งรสเด็ดไม้10บาท
พิกัด : https://goo.gl/maps/me7LWkmcPn6X4ANYA
สถานที่ : นายอ้วน เย็นตาโฟเสาชิงช้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/f8kJK26k6MJX6Lya6
01. ก๋วยเตี๋ยวไหหลำ
Check point แรกเรานัดเจอเพื่อนที่ข้างรั้ววัดเทพธิดาราม เพื่อไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่เรียกได้ว่าอยู่คู่กับชาวเสาชิงช้ามากว่า 50ปี แม้ร้านจะเล็กและลึกลับหน่อยแต่คนแถวนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะร้านเตี๋ยวไหหลำที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2512 จนถึงตอนนี้นั้น เมื่อก่อนเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แต่เนื่องจากคนจีนในไทยไม่นิยมกินเนื้อ ตอนนี้เลยเปลี่ยนเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูล้วนไปแล้ว (แอบเสียดายเพราะเราชอบกินเนื้อมากๆ )
พิกัด : https://goo.gl/maps/AcEoTXfqd44uiNsk7
มาพูดถึงเมนูของเรากันบ้าง อาม่ามีสเต็ปให้เราเลือกเมนูคือ เลือกเส้นก่อน สำหรับเส้นที่เป็นไฮำลท์ของร้านก็คือ เส้นไหหลำ ซึ่งลูกค้าทุกคนมาต้องถามหาเส้นนี้ แต่วันนี้ที่เรามานั้น เส้นไหหลำดันหมด อดกินจ้า 555 หลังจากนั้นก็เลือกเนื้อสัตว์ที่มีทั้ง หมูสด ลูกชิ้น หมูเปื่อย และตับหมู และเลือกผักอย่างถั่วงอก ต้นหอม คื่นช่าย ผักกาดหอมได้ตามใจชอบ เนื่องจากเส้นไหหลำหมด เราเลยสั่งเส้นหมี่หมูรวมมาลอง อันนี้สาบานด้วยสัตย์จริงเลยว่า น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหอมหวานกลมกล่อมมาก แม้กลืนน้ำซุปลงคอไปแล้ว ยังหวานติดปลายลิ้นอยู่เลย ส่วนเส้น เนื้อ ลูกชิ้นนั้นไม่ต้องพูดถึง รสชาติดีเยี่ยม จนเราติดใจ ตอนนี้ยังอยากกินอยู่เลย
เรื่องของรสชาติที่เราเล่าไปด้านบนเราก็ถามอาม่าว่ามีเคล็ดลับอะไรถึงทำก๋วยเตี๋ยวได้อร่อยขนาดนี้ อาม่าก็เม้าท์ให้ฟังยาวเลยว่า หมูหมักนี่อาม่าก็หมักแบบสูตรคนจีน ใช้สมุนไพรเยอะ น้ำซุปอาม่าก็ต้มจากกระดูกหมูแท้ๆ ปรุงรสด้วยตัวเอง ไม่ใส่ผงชูรสแน่นอน ทุกอย่างดั้งเดิมคงเดิม เรียกว่าเป็นสูตรเด็ดที่ใช้มายาวนานกว่า 50 ปีเลย
02. the Living Kafe
อิ่มแปร้จากร้านเตี๋ยวไปแล้ว เราก็ไปสะดุดตากับคาเฟ่เท่ๆ อยู่ติดถนนชั้นล่างของ Once Again Hostel เห็นแล้วก็อดแวะไม่ได้ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะที่นี่หอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ มีเมนูหลากหลายสำหรับสายกาแฟตัวจริงต้องมาเยือน ทั้งนี้ยังนำผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟสดมาจากเกษตรกรไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่แม่จันใต้ ดอยสะเก็ด ไปยันเอธิโอเปีย เคนย่า และอื่นๆ อีกมากมาย เราว่า นี่คือสวรรค์ของนักชิมกาแฟ รวมไปถึง คนที่อยากจะลองกาแฟรสชาติใหม่ๆ ด้วย
FB : the Living Kafe
พิกัด : https://goo.gl/maps/8Ho1ozuJ4B4KHNzo6
ข้าวเต้าหู้อาม่า (Grandma’s Tofu) ที่ร้านบอกมาว่าสำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นและความแข็งของเต้าหู้เหลืองนี่ลืมไปได้เลยเพราะว่าเมนูนี้คัดเต้าหู้เหลืองอย่างดีจากเยาวราชมาทอดด้วยซอสสูตรพิเศษอย่างพิถีพิถันจนนิ่มแล้วมาผัดกับกับขิง พริกแห้ง มะเขือเทศและหมูสับ ทานกับข้าวอินทรีย์ร้อนๆ และไข่ดาวเยิ้มๆ แล้วยังมีข้าวยำเวจจี้ (Khao-Yum-Veggie) ที่ทำให้เราได้กินสุกี้แบบไม่มีเนื้อสัตว์ด้วยการนำข้าวหอมนิลอินทรีย์หุงด้วยน้ำซุปผักรสเข้มข้นพร้อมกับผักต่างๆ ก่อนกินต้องคลุกกับน้ำจิ้มสุกี้โฮมเมดด้วยซอสพริกจากร้านหัตถกรรมาคารแห่งถนนเฟื่องนครกินกับฟองเต้าหู้สดทอดกรอบนอกหนึบในฟินสุดดดดด ส่วนเมนูเครื่องดื่ม ก็อย่างที่เราฝอยไปตอนแรกแหละ มีเยอะพร้อมด้วยกาแฟดีๆ จากทั่วมุมโลกมาให้เราได้ลองจนลืมเบื่อไปเลย
เจ้าของ the LIVING KAFE ตั้งใจให้ที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ ให้เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของทุกคนได้แบ่งปันประสบการณ์ผ่านอาหาร กาแฟ ชา ดนตรี และกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำและมีกาแฟที่ชงสดให้ชิมกันตลอด การตกตแ่งร้านก็โล่งโปร่งเหมาะกับการแชะภาพทุกฝาผนัง อีกอย่างที่เราภูมิใจนำเสนอเลยคือ ผนังผืนใหญ่สุดของร้านประดับด้วยฝาบาตรวิบวับวิบวับเพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกให้โลกรู้ว่าชุมชนแถบนี้เคยเป็นแหล่งทำบาตรที่ใหญ่และดังมากมาก่อน
03. โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า KopeHyaTaiKee 邢泰記
ร้านกาแฟในตำนานที่เปิดมาแล้วกว่า 60 ปี มีสาขาทั่วกรุงเทพ และสาขาที่เสาชิงช้าก็เป็นอีกหนึ่งสาขาที่ดังมาก ส่วนบรรยากาศและเมนูจะเป็นยังไงบ้าง เลื่อนไปภาพถัดไปได้เลย
FB : โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/o4gez4FvKBBtZ8aV7
การตกแต่งร้านให้บรรยากาศเหมือนนั่งสภากาแฟยามเช้า คลาสสิคในกลิ่นอายโรงเตี๊ยมแบบจีน ส่วนเรื่องเมนูอาหารนั้น ไม่ได้มีแค่กาแฟโบราณธรรมดาเหมือนร้านกาแฟสมัยก่อนนะ ตอนนี้มีเมนูเด็ดๆ ทั้งคาวและหวานให้ได้ลองกันหลากหลายทีเดียว ส่วนเมนูที่โด่งดังเรียกว่าที่สุดของย่านนี้ต้องยกให้ไข่กระทะ ที่จนตอนนี้ยังไม่มีร้านไหนสามารถเทียบเคียงได้
04. Budhtri Coffee (กาแฟบุตรี)
ร้านกาแฟน่ารักๆ ที่สาวๆ พี่น้องท้องเดียวกันเปิดขึ้นมาในคูหาบ้านของตัวเอง แม้ร้านไม่ใหญ่มาก ภายในร้านมีโต๊ะให้นั่งไม่เยอะ เน้นโทนขาว ดำ เป็นหลักอบอุ่นไปด้วยกาแฟหอมๆ เหมาะกับการจิบกาแฟหอมๆ นั่งรับแสงแดดยามเช้าเพิ่มพลังดีๆ ให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไปจนเย็น
FB : Budhtri Coffee
พิกัด : https://goo.gl/maps/43GQVa8jvmPB1Gd8A
05. ร้านหมูปิ้งรสเด็ดไม้10บาท
บ้าบอ นี่คือร้านหมูปิ้ง ลูกชิ้นปิ้งไม้ละ 10 บาทที่เราไม่สามารถลืมรสชาติของมันได้เลย ด้วยหมูปิ้งที่หมักแบบสูตรพิเศษของคุณป้า ปิ้งไปชุบน้ำจิ้มไป แล้วเอามาปิ้งใหม่ แล้วก็ชุบน้ำจิ้มต่อ ทำแบบนี้จนกว่าหมูจะสุกดี ก่อนเสิร์ฟป้าจะโรยด้วยพริกไทยและกระเทียมเจียวหอมๆ นอกจากหมูปิ้งแล้วยังมีทอดมันย่าง ไส้กรอก ลูกชิ้น สไตล์การปิ้งก็เป็นแบบเดียวกันกับหมูเนั่นแหละ
พิกัด : https://goo.gl/maps/me7LWkmcPn6X4ANYA
เรื่องรสชาติของหมูปิ้งนั้น ตอนเราชิมคำแรกเราพูดกับเพื่อนว่า เหมือนกำลังกินหมูย่างหมักซอสเผ็ดของเกาหลีเลย และเพื่อนก็หันมาบอกว่า ใช่แล้ว คิดเหมือนกันว่า เหมือนหมูย่างเกาหลี เลยสรุปได้ว่ามติเอกฉันท์มากว่า ร้านนี้เด็ดจริง ถ้าไม่มีเงินกินปิ้งย่างเกาหลีก็มากินหมูปิ้ง 10 บาทร้านคุณป้าได้
06. ออนล๊อกหยุ่น
ด้วยสโลแกนเท่ๆ ที่บอกว่า “คิดถึงอาหารเช้า คิดถึงออนล็อกหยุ่น” ทำให้ร้านเบรกฟาสต์ สไตล์ไทยจีนฝรั่งรวมกันแห่งนี้ยืนหยัดคู่ยามเช้าของชาวพระนครมากว่า 80 ปี ว่ากันว่าในยุคโก๋หลังวัง ที่ย่านวังบูรพาเป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นดั่งสยามสแควร์นั้น ร้านนี้คือแหล่งแฮงค์เอ้าท์ที่ได้รับความนิยมไม่เคยตก ไล่มาจนถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่ช่วงเช้าเวลาไพร์ไทม์ถ้ามาร้านนี้ อาจจะต้องรอคิวคอยที่นั่งกันหน่อย เพราะเค้าฮอตยืนหนึ่งจริงๆ
FB : On Lok Yun – ออน ล็อก หยุ่น
พิกัด : https://goo.gl/maps/r8napFZXbVjoMjwZ8
สำหรับเมนูเบรกฟาสต์นั้น มีหลากหลายให้เราได้สั่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเช้าแบบตะวันตกเริ่มที่จานซิกเนเจอร์ ชุดไข่ดาวแฮมไส้กรอกเบคอนที่เพิ่มความเอเชียด้วยการท็อปกุนเชียงรสหวานให้ความแตกต่างกว่าอาหารเช้าที่ไหนๆ ต่อด้วยเมนูขนมปังอย่าง ขนมปังเนยสดที่เอาขนมปังเนื้อนิ่มเสิร์ฟพร้อมกับเนยแท้และน้ำตาลให้เราไปจัดแจงเองว่าอยากได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะเป็นไข่ลวกเหยาะซอสแม็กกี้ไปหน่อยเค็มๆ คาวๆ ร้อนๆ จิบคู่กับชาร้อนที่ร้านมีให้ฟรีตลอด หรือจะสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโล ชานม หรือกาแฟก็มีให้สั่ง
07. เกาเหลาเลือดหมู เจ๊ปุ๊ก
จบจากร้านอาหารเช้าในตำนาน เราก็มาพบกับอีกหนึ่งอาหารที่มักจะถูกเลือกให้เป็นอาหารเช้าของใครหลายคนเช่นกัน เราเดินมาที่ซอยสระสรงข้างวัดสุทัศน์ เพื่อมาโดนต้มเลือดหมูเจ้าเด็ดอีกหนึ่งเจ้าที่มองจากภายนอกเห็นเป็นร้านอาหารเก่าๆ 2 คูหา ไม่ได้มีรีวิวเยอะหรือฮอตเท่าเจ้าอื่นๆ แต่เพื่อนเราที่เคยใช้ชีวิตวัยเด็กย่านนี้ชี้เป้ามาว่า ต้องมาร้านนี้ให้ได้
พิกัด : https://goo.gl/maps/x5HbrZn8rNbjrD98A
ร้านต้มเลือดหมูธรรมดาๆ ที่รสชาติไม่ธรรมดา น้ำซุปเด็ดจนไม่ต้องปรุง กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินๆ จนต้องสั่งเบิ้ลเลยทีเดียว ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่คือ มีผักจิงจูฉ่าย ที่ใส่ในต้มเลือดหมูมีสรรพคุณช่วยปรับความดันโลหิต ขับลม ฟอกเลือก และอื่นๆ อีกมากมาขายเป็นถ้วยแยกให้เราได้สั่งมากินเล่นด้วย ไม่ต้องสงสัยว่าใครมันจะสั่งผักจิงจูฉ่ายมากินเล่น เราก็สงสัยเหมือนกัน แต่มีจริงๆ เด้อ มีถึงขนาดเขียนไว้ในเมนูแสดงว่าต้องมีออรเดอร์เยอะพอตัวเลยแหละ
08. บำรุงชาติสาสนายาไทย บ้านหมอหวาน
ขอเบรคเรื่องการกินเดินมาหายาขับลมแก้แน่นท้องสักหน่อยที่อาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลอายุย่างเข้า 100 ปีเต็มที่ ย่านเสาชิงช้าที่ “บ้านหมอหวาน” ที่ลูกหลานได้รับสืบทอดมาจาก หมอหวาน รอดม่วง แพทย์แผนโบราณที่โด่งดังในช่วงปี พ.ศ.2411 จนถึง 2488 ตอนนี้มาถึงรุ่นเหลนแล้วก็ยังคงความเป็นบ้านหมอยาที่รักษาความเก่าแก่และสูตรยาหอมที่ใช้ได้และเรียกว่าพรีเมียมมากๆ นอกจากนี้ภายในตัวอาคารยังคงเต็มไปด้วยโบราณวัตถุที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาในอดีตทั้งเรื่องประวัติไปตลอดจน ยาหอมโบราณ กว่าร้อยปีทั้ง 4 ตำรับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/RsNagv4rPMyspZtX7
การเข้าชมพื้นที่บ้านของหมอหวาน ทำให้เราร้องว้าวมาก เราได้เห็นวิธีการใช้ส่วนผสมไปจนกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมด้วยเครื่องมือโบราณที่ใช้ในการปรุงยาขายให้กับลูกค้าที่เก่าแก่มากว่า 100 ปี ยาแต่ละเม็ดที่ออกมานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ส่วนผสมที่ทำยาเหมือนกำลังดูละครทองเอกหมอยาท่าโฉลง บางส่วนผสมดูยากเกินกว่าจะกามาทำยาได้เหมือนเข้าเรียนวิชาปรุงยาในแฮร์รี่พอตเตอร์ ไม่แปลกใจที่ยาของที่นี่จะมีราคาสูง เพราะสมุนไพรและตัวยาทุกอย่างล้วนพรีเมียมจริงๆ
09. บ้านขนมปังขิง เสาชิงช้า
บ้านไม้ใต้ต้นมะม่วงอกร่องที่แผ่กิ่งให้ร่มเงาศิริรวมอายุ 106 ปีแห่งนี้ถ้าไม่บอกว่าด้านในเป็น คาเฟ่ในบ้านเก่ากึ่งพิพิธภัณฑ์เราก็แอบจินตนาการไม่ได้ว่าที่นี่จะต้องมีพลังงานบางอย่างแน่ๆ แต่นั่นน่ะสิ ใคร๊มันจะไปรู้ว่านี่คือคาเฟ่ที่เก๋และคูลที่สุดในย่านพระนครที่ชื่อ บ้านขนมปังขิง ซึ่งชื่อนี้ตั้งตามทรง “ขนมปังขิง” หรือ “Ginger Bread House” เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่ฮิตมากในช่วงร. 4 โดยจุดเด่นของบ้านแบบนี้คือมีการแต่งลายฉลุเหนือประตูและช่องลมที่สวยงามละเอียดอ่อน สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีการสลักตัวอักษรชื่อ “ขัน” ตามชื่อเจ้าของบ้านนี้นั่นเอง
พิกัด : https://goo.gl/maps/wXKtH2q1X4Cnm2ai9
ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยเงาของต้นมะม่วงใหญ่หน้าบ้านและภายในบ้านที่สวยงามโอ่อ่าทำให้เราแอบมโนไม่ได้ว่ากำลังนั่งจิบชายามบ่ายอยู่บนบ้านพระยาตามประสาสาวชั้นสูงในสังคมบางกอก แล้วยิ่งมีเซ็ตขนมหวานเก๋ๆ เหมาะกับการถ่ายรูปลงอวดเพื่อนทั่วโซเชี่ยลมาวางอยู่ตรงหน้าแล้วด้วย ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการนั่งคาเฟ่ให้ดูดีกว่าคาเฟ่ทั่วไปอีกหลายเท่า
10. นายอ้วน เย็นตาโฟเสาชิงช้า
มาแถวเสาชิงช้า ถ้าไม่มาร้านนี้ก็คงเสียใจไปอีกนาน เพราะที่นี่คือร้านเย็นตาโฟเจ้าเด็ดอย่างนายอ้วนเย็นตาโฟ เจ้าของรางวัล The Plate จากมิชลินไกด์ ปี 2019,2020
รางวัลที่บ่งบอกว่าเป็นร้านอาหารคุณภาพดีใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน สมกับที่ร้านเก่าแก่อายุกว่า 50 ปี เรื่องแถวยาว รอโต๊ะนาน หรือ Grab Lineman Get นี่ก็ไม่ต้องห่วง รอนานแต่คุ้มแน่นอนจ้า
FB : นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง เสาชิงช้า Naiuan Yentafo
พิกัด : https://goo.gl/maps/f8kJK26k6MJX6Lya6
ความเด็ดของที่นี่คือบะเต็ง(หมูสามชั้นผัดกับซีอิ๊ว) ที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวและเย็นตาโฟเพิ่มความหอมมัน ส่วนเมนูดังห้ามพลาดคือ เย็นตาโฟแห้งรสที่ชาติเข้มข้นจนไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่ที่ร้านจะมีรสชาติเผ็ดนิดๆ ถ้าใครไม่กินเผ็ดต้องบอกตอนสั่งนะ นอกจากความเด็ดของเมนูเย็นตาโฟบะเต็งแล้ว ยังมีพวกเครื่องเคราที่ทางร้านทำเอง ทั้งลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นหมูแคะ ปลาหมึกกรอบ เต้าหู้ เกี๊ยวกรอบ หมูแดงและฮื่อก้วยทอด จัดเต็มมาในถ้วย หรือจะสั่งแยกชามมากินเล่นๆ ก็ได้
11. สุขนิยม ขนมครกสิงคโปร์
ร้านขนมหวานสีพาสเทลทั้งขนมครกสิงคโปร์รวมไปถึงขนมตาลสิงคโปร์ทำสดๆ หน้าร้าน หอมๆ นุ่มๆ ยั่วเราให้ต้องยืนรอขนมอย่างใจจดใจจ่อ
FB : สุขนิยม ขนมครกสิงคโปร์ ประตูผี
พิกัด : https://goo.gl/maps/fUpR7unbTuqTVik67
เรื่องทีเด็ดของขนมร้านนี้น่ะเหรอ ถ้าจะให้เล่าก็คงบอกได้แค่ว่า กินเพลินๆ จนหมดกล่องตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ส่วนขนมตาลสิงคโปร์อีกเมนูหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนได้ลอง คือขนมตาลที่รสชาติขนมตาลเลย แต่ผิวสัมผัส เนื้อขนมมั้นคือขนมครกสิงคโปร์อ่ะ นึกออกมั้ย ถ้านึกไม่ออกก็ต้องลอง สั่งไลน์แมนก็ได้ด้วยนะ
12. เช็งซิมอี๊ เสาชิงช้า
จุกแค่ไหนเราก็ไม่หวั่น ยังเดินหน้ากินต่อไปไม่สะท้านร่างกาย แต่อาจจะมีสะท้านโลกันต์นิดหน่อย เพราะนี่คือร้านขายน้ำแข็งไสหวานเย็นหรือขนมหวานเจ้าเก่าแก่ ที่เรียกได้ว่าเป็นต้นตำหรับเต้าทึงของเมืองบางกอกที่มีอายุสืบทอดมารุ่นสู่รุ่นกว่า 60 ปีเลยทีเดียว
Web : www.chengsimice.com
พิกัด : https://goo.gl/maps/5v9ZaYtnZ1VW5k1B9
เรื่องเครื่องและน้ำราดของหวานมีให้เลือกละลานตาไปหมด โดยเครื่องขนมหวานนั้นมีให้เราเลือกกว่า 40 อย่าง เช่น ทับทิมกรอบ มะพร้าวกะทิ ลูกชิด รากบัว แตงไทย ฯลฯ และน้ำราด แล้วแต่เราจะเลือกเลยทั้งน้ำเชื่อม น้ำลำไย น้ำแดง กะทิสด กะทิเคี่ยว และน้ำตาลทรายแดงราคาจะเริ่มต้นที่ 30 บาท สามารถเลือกเครื่องได้เยอะตามใจ ราคาจะเพิ่มเรื่อยๆ ตามเครื่องที่เราเลือก ถือเป็นความสนุกในการกินขนมหวานอีกอย่างหนึ่งของสายหวานอย่างเราด้วย
13. ชัยปลาหมึกย่าง
ของคาว ของหวาน คาเฟอีน เราผ่านมาแทบหมดแล้ว เราขอตัดมาที่ของกินเล่นกึ่งคาวกึ่งเล่นกึ่งจริงอย่างปลาหมึกย่างกันบ้างดีกว่า ใครจะไปคิดว่าบนรถเข็นเล็กๆ นี้จะเรียงรายไปด้วยหมึกกระดองเสียบไม้ ไม่ว่าปากหนวดไข่หรือจะเป็นหมึกกระดองแบบเต็มตัว ที่นี่ก็มีขายทุกอย่างแบบครบในราคาเดียวไม้ละ 60 บาท (ยกเว้นแบบเต็มตัว)
พิกัด : https://goo.gl/maps/uXxYU6HbfXDwDoKf8
สิ่งที่เอาใจลูกค้าจนอยู่หมัดนอกจากปลาหมึกที่สด เด้ง หนึบแล้ว ยังมาพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดสุดเข้มข้น ที่ทางร้านใช้พริกขี้หนูสวน กระเทียมและผักชี ผสมกับน้ำมะนาวแท้ๆ พร้อมตัดรสหวานด้วยน้ำเชื่อม เพิ่มมิติของรสน้ำจิ้มให้กลมกล่อมชุ่มลิ้นตัดกับเนื้อเด้อๆ ของปลาหมึกแค่นึกก็น้ำลายแตกฟองแล้ว
14. ยุ้ยเผือกทอด
ยังคงยืนหยัดอยู่ที่ของกินเล่นจนมาถึงร้านยุ้ยเผือกทอด ร้านขายของทอดที่ยังคงจับตะหลิว ควงตะแกรงอยู่ย่านนี้มายาวนานถึง 35 ปี มีทั้งเผือกทอด เต้าหู้ทอด ไชเท้าทอด เปาะเปี๊ยะทอด ถั่วแปป ที่ทอดร้อนๆ ตลอดทั้งวันให้เราเลือกสรรกัน 3 ขนาด 3 ราคาตั้งแต่ 60 บาท
80 บาท และ 100 บาท ตามความพอใจของเรากันเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/8pocR578xZx1P4gb8
นอกจากเผือกทอด ก้อนกลม เนื้อแน่นที่มาจากเผือกล้วนไม่ผสมแป้ง กรอบนอกนุ่มใน
ที่เป็นไฮไลท์ของร้านนี้ยังมีอีกหลากหลายรายการให้เราจิ้มนิ้วเลือก จะสั่งแบบรวมมิตรเอาทุกอย่างก็ไม่มีใครว่า แต่อดทนรอนานนิดนึงนะ เพราะว่าร้านนี้ใช้วิธีทอด 2 รอบเน้นๆ เพื่อความกรอบและหอม
15. ยุ้ยถั่วแปปสด
เดินทิ้งร้านยุ้ยเผือกทอดมาประมาณ 7 ก้าว ก็เจอร้านถั่วแปปที่ทำสดอวดเราให้ต้องหยุดรอคิวสั่งถั่วแปปสดเนื้อนุ่มหนึบคลุกมะพร้าวตรงหน้า ทั้งวิธีการทำที่ดูแล้วเพลินไปจนถึงสีสันของถั่วแปปมันทำให้เรายืนดูได้ไม่เบื่อเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/8pocR578xZx1P4gb8
16. ร้านแซ่พุ้น ข้าวหน้าไก่ 80 ปี
ผ่านพ้นออร์เดิร์ฟกันไปแล้ว เราต้องมาหยุดที่อีกหนึ่งร้านขวัญใจสายแดรก เพื่อมาเจอกับเมนูที่ทั้งอร่อยและราคาน่ารักจนคว้ารางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) จากมิชลิน ไกด์ มาครอง 2 ปีซ้อน (2019 และ 2020) ที่ร้านข้าวหน้าไก่โบราณ แซ่พุ้น ที่สือทอดกันมาจน ถึงทายาทรุ่นที่ 3 อายุอานามกว่า 80 ปี
FB : ข้าวหน้าไก่ร้านแซ่พุ้น Poon Cuisine
พิกัด : https://goo.gl/maps/vNUbxxbDtv6AejBv6
ข้าวหน้าไก่ คือเมนูที่เราเลือกวันนี้เพราะว่านี่คือเมนูที่ได้รางวัลจากมิชลินไงล่ะ จุดเด่นของข้าวหน้าไก่อบแซ่พุ้นคือรสชาติกลมกล่อม ไม่ออกเค็ม น้ำข้นสัมผัสเนียน หอมกลิ่นงาชัดเจน เราสามารถสั่งไข่ดาวและกุนเชียงมาเป็นเครื่องเคียงได้แต่เราขอสั่งตับแก้วซึ่งปกติแล้วจะเป็นเมนูที่เอาไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวหมูแดง ตับแก้วที่พูดถึงคือตับหมูที่คว้านและยัดไส้ด้วยมันหมูแข็งเคี่ยวจนเป็นแก้วใสๆ จะให้รสชาติ 2 มิติคือ ความหนึบและรสชาติเน้นๆของตับและความมันนุ่มของมันหมูช่วยให้ข้าวหน้าไก่อบของเราได้อรรถรสมากขึ้น หรือหากใครชอบเมนูเส้นมากกว่าข้าวก็สั่งบะหมี่หน้าไก่ได้ ไม่ว่าจะเส้นบะหมี่ลวกหรือบะหมี่กรอบ
17. กาแฟโบราณร้านรถเข็น
เดินกินเล่นกินจริงมาอย่างยาวนาน เราก็ต้องร้องเรียกหาอะไรซ่าๆ เข้าท้องหน่อยแล้ว ในวินาทีนั้นเราก็เจอร้านรถเข็นของ 2 คุณป้าที่ขายกาแฟโบราณและน้ำชงและมีคนรอคิวอยู่ 3-4 คน เราเลยปิ๊งแว๊บอยากกินบ๊วยมะนาวโซดาขึ้นมา เลยต้องอดรนทนรอคิวตามคนอื่นๆ เมนูเครื่องดื่มทั้งหมดของคุณป้าบอกเลยว่า ชงเอง ทำเองสดๆ เน้นๆ ให้เครื่องเยอะ อย่างเราสั่งบ๊วยมะนาวโซดา ก็เน้นๆ บ๊วยและมะนาวจนได้รสชาติที่เข้มข้นถูกใจ
พิกัด : https://goo.gl/maps/bE86JNEdyRgK3dZS9
18. 3rd Cafe
คาเฟ่เล็กๆ ขนาด 1 คูหา มีโต๊ะให้นั่งไม่มาก รองรับคนได้ประมาณ 20 นิดๆ ที่หน้าตาเป็นมิตรตั้งแต่หน้าร้าน เข้าไปข้างในจัดสรรอย่างลงตัว มีสัดส่วนที่พอเหมาะสำหรับการใช้สอย มีชั้นลอยให้ขึ้นไป มีชิงช้าให้นั่งเป็นกิมมิกเล็กๆ
FB : 3rd CAFE
พิกัด : https://g.page/3rd_cafe?share
19 เผือกหิมะเจ๊นี
ร้านขนมเผือกที่เปิดมานานกว่า 10 ปี ที่มีเมนูชูโรงคือ เผือกหิมะ โดนเจ๊นีเจ้าของร้านย้ำแล้วย้ำอีกว่าที่ร้านต้องเลือกใช้เผือกหอมหัวใหญ่ๆ ใหม่ๆ ลงทอดในน้ำมันปาล์มใหม่ร้อนๆ และต้องทอดในน้ำที่เยอะจนท่วมเนื้อเผือก และการทอดยังต้องใส่ใบเตยทอดไปพร้อมกันกับเผือกเพื่อให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากนั้นก็เคี่ยวน้ำตาลทรายขาวปรุงรสด้วยเกลือ ใส่ต้นหอม เคี่ยวให้เหนียวแล้วค่อยใส่เผือกที่ทอดแล้วลงไปคลุกเคล้าให้ทั่วจนน้ำตาลแห้งเกาะชิ้นเผือก จนกลายเป็นเผือกหิมะรสชาติหวานมันเค็มเป็นเอกลักษณ์ของเจ๊นีเผือกหิมะจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ที่ร้านก็มีของกินเล่นอื่นๆ เช่นเผือกฉาบทั้งหวานและเค็มให้ซื้อกลับไปกินเล่นๆ ด้วย
FB : เจ๊นี เผือกหิมะ JNE original
พิกัด : https://goo.gl/maps/jehTsp1bVuZbQBrh7
20 บางกอกบี่เฮียง
ติดๆ กันแบบหายใจรดต้นคอกับร้านเผือกหิมะคือร้านขายหมูแผ่นหมูหยอง ที่ชื่อบางกอกบี่เฮียงที่เปิดร้านมากว่า 60 ปีแล้ว ความน่าสนใจของร้านนี้คือการปิ้งหมูแผ่นหวานหน้าร้านแบบสดๆ ทีละแผ่น ซึ่งขายอยู่ที่ราคาแผ่นละ 20 บาท แล้วจะบอกว่า อร่อยเป็นบ้า รสชาติเหมือนกินหมูแผ่นที่สิงคโปร์หรือไต้หวันอะไรประมาณนี้
พิกัด : https://goo.gl/maps/3UeapVXks6jKV7VX7
21 กุ้ยช่ายคุณแม่
ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อมาเจอร้านกุ้ยช่ายร้านเด็ดที่ขายดิบขายดีเป็นท็อปลิสต์ของกุ้ยช่ายร้านหนึ่งในกรุงเทพ ร้านกุยช่ายคุณแม่ ย่านศาลเจ้าพ่อเสือหรือเสาชิงช้า บอกเลยว่าช่วงเวลาปกติคิวยาวคนแน่นทั้งขาจรขาประจำ Lineman Grabfood ความพิเศษของกุ้ยช่ายที่นี่คือ แป้งบาง ไส้แน่น มีหลายไส้ให้เลือกทั้ง กุ้ยช่าย เผือก มันแกว หน่อไม้ และกะหล่ำปลี จะซื้อแบบแยกไส้ หรือรวมไส้ก็ได้ ที่สำคัญคือน้ำจิ้มกุ้ยช่ายรสดีอย่าบอกใครเชียวล่ะ
FB : กุ้ยช่ายคุณแม่
พิกัด : https://goo.gl/maps/AEBrg8GXUAR7sBdcA
22 บัวลอยเกตุแก้ว
อีกหนึ่งร้านคิวยาวสามวาอย่างร้านบัวลอยสีพาสเทลอย่างบัวลอยเกตุแก้วที่ขายมานานร่วม 10 ปี โดยจุดเด่นของบัวลอยที่นี่นอกจากสีสันจะสดใสน่ารักน่ากินแล้ว ยังมีกะทิที่หอมมาก มีรสเค็มนำหวานตามแต่ไม่หวานแหลม กลมกล่อม ไม่เลี่ยน และที่ร้านมีเครื่องบัวลอยเคียงในถ้วย 4 ชนิด ได้แก่ เผือกนึ่ง ฟักทองเชื่อม ข้าวโพดต้ม และมะพร้าวอ่อน และจะมีทั้งไข่หวานและไข่เค็มให้เราเลือก ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาทเท่านั้น
FB : บัวลอยเกตุแก้ว
พิกัด : https://goo.gl/maps/okXbg48ZYMcrT78K8
23 ธัญทิพย์ บะหมี่กวางตุ้ง
ออกตัวก่อนเลยว่าปกติเป็นคนไม่ชอบกินบะหมี่และหมูแดงเท่าไหร่ แต่เพื่อนบอกว่า ร้านนี้พลาดไม่ได้เลย แม้ร้านไม่ได้ดังเด่นเป็นที่สนใจของสายรีวิวเท่าไหร่ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เราเลยเอาใจเพื่อนด้วยการลองแวะสั่งบะหมี่หมูแดงน้ำผึ้งหน่อยละกัน สิ่งแรกที่สะดุดตามากคือ แม่ค้าน่าตาดีมากกกกก 555+ ร้านเป็นร้านริมฟุตบาทมีโต๊ะให้นั่งประมาณ 4 โต๊ะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/mpqWAxtFVQkuhRBo7
แม่ค้าบอกว่าถ้าเมนูขายดีสุดของร้านจะเป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูกรอบ ว่ากันว่าหมูกรอบที่นี่รสชาติดีสู้ร้านดังๆ ได้เลย แต่เราอยากลองหมูแดงอบน้ำผึ้ง เลยสั่งบะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงอบน้ำผึ้งมาลองนี่แหละ อย่างที่ออกตัวไปว่า เราไม่ชอบกินบะหมี่และหมูแดงเท่าไหร่ แต่เมื่อลองเข้าปากแล้วต้องร้องว่า เห้ยยยย ดีกว่าที่คิด หมูแดงหอมและอร่อยเลย ทั้งเกี๊ยวทั้งบะหมี่ให้เยอะคุ้มราคา อีกทั้งเกี๊ยวยังไส้เยอะและทำดีด้วย ถือว่าคุ้มค่าในราคาเพียง 40-50 บาทเท่านั้น มีน้ำชาจีนบริการฟรีอีกด้วยนะ
24 ลูกชิ้นหมูแพร่งนรา
ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ร้านนี้จะได้รับฉายาว่า “ลูกชิ้นคนสวย” บ้าง “ลูกชิ้นแม่ค้านางฟ้า” บ้างเพราะนอกจากลูกชิ้นหมูปิ้งที่ปิ้งสดๆ อย่างพิถีพิถันทีละไม้ จิ้มกับน้ำจิ้มพริกกระเหรี่ยงกลมกล่อมแล้ว ยังมีแม่ค้าลูกสาวบ้านนี้ทั้ง 2 สาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังจนใครๆ ก็ต้องเอ่ยปากชมมาคอยปิ้งลูกชิ้นให้เราตามออรเดอร์ด้วย เรียกว่านานแค่ไหนก็รอได้ เพราะเพลินจริงๆ
FB : ลูกชิ้นหมูแพร่งนรา
พิกัด : https://goo.gl/maps/G393pGAXeboZXHiF9
25 ต้มยำมันสมองหมูเจ้าเก่า (สูตรคนจีน)
ร้านนี้บอกเลยว่าตั้งใจมา เพราะด้วยชื่อที่ฟังแล้วอาจจะดูหลอนๆ นิดนึง แต่เราตั้งใตไว้อย่างมั่นเหมาะว่าต้องลองให้ได้ เมื่อมาถึงก็เจอความประทับใจแรกเลยที่เจ๊สาเจ้าของร้าน ต้อนรับเราอย่างน่ารักมาก เราว่า เวลาไปร้านไหนแล้วเจอเจ้าของร้านดูและดี ต้อนรับขับสู้ แนะนำนั่นนี่เราแบบเต็มใจยิ้มแย้ม มันทำให้อาหารร้านนั้นอร่อยขึ้นจริงๆ นะ เจ๊สาบอกว่าร้านนี้เปิดมากว่า 100 ปีแล้ว สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นอากงเป็นการทำต้มยำคล้ายๆ ต้มเลือดหมู หรือเกาเหลานั่นแหละแต่มีความแซ่บด้วยสมุนไพรและเครื่องต้มยำสูตรลับเฉพาะที่ร้านเท่านั้น
พิกัด : https://goo.gl/maps/gsqWhR8QUMtpPaHQ9
คุยกันจนถึงรสถึงชาติแล้วเราก็สั่งต้มยำสมองหมูพร้อมข้าวเปล่ามาลองเลยดีกว่า พวกลูกชิ้น เครื่องเคราต่างๆ นี่ที่ร้านทำเองหมดเลยนะ รสชาติจะคล้ายๆ ต้มเครื่องในของทางภาคใต้ มีความแซ่บ ความหวานเค็มเผ็ดเปรี้ยวแบบไม่มีรสไหนแหลมเกินใครทุกอย่างลงตัวละมุนไปหมด ลูกชิ้น เครื่องใน เนื้อหมู เครื่องทุกอย่างดีหมด สมองหมูนี่คือไม่ได้หยึยอย่างที่คิดนะ อารมณ์เหมือนเรากินเครื่องในหมูนั่นแหละ คล้ายๆ ไส้แต่นิ่ม ถ้าใครเคยกินไข่หอยเม่น หรือ ชิราโกะ (ท่อเก็บอสุจิปลาคอต) ก็จะเข้าใจฟีลนี้แต่บอกเลยว่าไม่แย่ เอาจริงๆ สำหรับเราคืออร่อยเลยแหละ อร่อยจนต้องหิ้วกลับบ้านอีกถุงเลยด้วย นอกจากจะมีสมองหมูแล้ว ในชามยังประกอบด้วยเครื่องเคราอื่นๆ ทั้งกระเพาะ เซี่ยงจี้ ตับ หนังหมู ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเผือกทอดให้เพลินๆ ด้วย อ่ะ ถ้าใครไม่กล้าลองสมองหมู ก็สั่งแบบไม่ใส่สมองได้ แต่เชื่อเราเถอะว่ามันดี ต้องลอง!!
26 นัฐพรไอศครีมกะทิสด
มาย่านนี้ถ้าใครพลาดร้านนี้เราจะไล่ให้มาใหม่อีกรอบเพราะนี่คือร้านไอติมรสไทยที่เด็กทุกรุ่นต้องมาโดนยาวนานมากว่า 70 ปีสืบทอดกันมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ไอติมมีให้เราเลือกหลายรส รวมไปถึงรสชาติตามซีซั่นของผลไม้ เช่น มะม่วงมหาชนก สตรอเบอร์รี่ สำหรับวันนี้เราเลือกชิมไอติมกะทิและมะพร้าวมาชิมตบท้ายวันอย่างหวานชื่น เนื้อไอติมจะคล้ายๆ เกร็ดน้ำแข็งแต่ได้กลิ่นหอมและรสชาติวัตถุดิบชัดเจนมาก
FB : นัฐพรไอศครีมกะทิสด
พิกัด : https://goo.gl/maps/Yc3SZeDvX2dh8ohm9
27 ข้าวเหนียว ก.พานิช
ทุกครั้งที่มาถึงย่านเสาชิงช้า ก็ไม่ต้องลังเลใจที่จะไปสามแพร่งเพื่อเดินไปร้านข้าวเหนียวมูนที่อร่อยที่สุดในโลกในใจของเรา แอีกหนึ่งร้านมิชลินไกด์ของย่านนี้ ก.พานิชเป็นร้านขายขนมหวานที่มีข้าวเหนียวมูนขึ้นชื่อมายาวนานกว่า 85 ปีแล้ว ข้าวเหนียวของที่นี่เด็ดกว่าที่อื่นตรงที่ข้าวเหนียวหนึบมีความแข็งกว่าที่อื่นนิดหน่อยให้รสสัมผัสที่แตกต่าง เคล็ดลับเด็ดของการทำข้าวเหนียวมูนคือที่ร้านจะใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จากแม่จัน เชียงรายเท่านั้น ส่วนกะทิราดข้าวเหนียวนั้นจะต้องเป็นมะพร้าวที่มาจากชุมพรเพื่อให้น้ำกะทิที่เข้มข้นสมมาตรฐานของร้าน รวมไปถึงน้ำตาลต้องมาจากกาญจนบุรี และเกลือไอโอดีนจากสมุทรสาครเท่านั้น นี่คือการคัดสรรวัตถุดิบที่มาจากแหล่งที่ดีมารวมกันที่ร้านนี้ให้เราได้ลิ้มรสข้าวเหนียวมะม่วงที่เด็ดที่สุด จนครองอันดับเดอะเบสส์ของเราไปเล้ยยยยยยย
FB : ก.พานิช – Kor Panich
พิกัด : https://goo.gl/maps/aaUcq9ktpA3Fu8q4A
28 เมธาวลัย ศรแดง
ปิดท้ายกันที่ร้านระดับมิชลินไกด์ 1 ดาว (รางวัลประเภท 1 ดาวมิชลิน ปี 2019) ร้านอาหารไทยสุดคลาสสิกในตำนานแห่งราชดำเนิน ที่มีอายุกว่า 62 ปีภายในร้านอบอวลด้วยกลิ่นอายชวนให้รำลึกถึงกรุงเทพฯ ในอดีต
FB : ร้านเมธาวลัย ศรแดง Methavalai Sorndaeng
พิกัด : https://goo.gl/maps/QsJhR887FhoHTBGD6
เมนูเด็ดๆ ของที่นี่เราแนะนำแทบจะไม่ถูกเลย เพราะเรากล้าการันตีเลยว่า ทุกเมนูของที่นี่ล้วนแต่เด็ดทั้งนั้น อีกทั้งยังมีหลายๆ เมนูที่หากินได้ยากจากร้านทั่วๆ ไปด้วย
01 วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
มาถึงเรื่องวัดเราก็จะง่วงๆ ขี้เกียจเล่านิดหน่อย 555 แต่เอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า วัดที่คนอย่างเราเลือกมา ต้องไม่ใช่วัดธรรมดาแน่นอน วัดสุทัศนฯนี่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็กเรื่องเปรตวัดสุทัศนฯ เอาจริงๆ นี่ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก แล้วก็พบกับความสวยงาม ล้ำค่าของทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ที่กล้าพูดเลยว่า นี่แหละคือมรดกที่คนรุ่นหลังควรภาคภูมิใจ จริวๆ แล้ววัดนี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างไทยและจีนแถมยังมีกลิ่นอายตะวันตกหน่อยๆ ด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/fves9JyPuv2TgUCv5
วัดสุทัศนเทพวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร มี พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าถึงประวัติศาสตร์ไปจนถึงวิถีชีวิตโดยช่างฝีมือช่วงสมัยร.3 ด้านหน้าพระพุทธรูปประธานมีรูปั้นพระสงฆ์จำนวน 80 องค์ สร้างด้วยปูนปั้นลงสี นั่งพนมมือฟังพระ บรมพุทโธวาทเบื้องพระพักตร์องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เดินออกมาที่วิหารอีกหลังหนึ่งเราจะได้บูชา พระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวรารามที่อันเชิญมาจากเมืองสุโขทัยตรง ใต้ฐานที่ผ้าทิพย์บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของในหลวงรัชกาลที่ 8 ด้านหลังบัลลังก์พระพุทธรูปมีแผ่นศิลาสลักโบราณที่หาดูได้ยาก ศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทอง ปางยมกปาฏิหาริย์ และ ปางประทานเทศนาในสวรรค์ ณ ปัจจุบันคาดว่านี่คือชิ้นเดียวในโลก นอกจากนี้ยังมีภาพวาดฝาผนังภาพเปรตวัดสุทัศนฯ ของจริงให้เห็นเลยด้วย
และยังมีพระพุทธรูปองค์สำคัญอีกองค์หนึ่งคือ พระกลักฝิ่น หนึ่งเดียวในโลกที่สร้างมาจากกลักฝิ่น เพื่อกวาดล้างฝิ่นและการดูดฝิ่นทั่วพระนครและนำกลักฝิ่นมาหล่อเป็นพระองค์นี้
02 วัดราชนัดดาราม
วัดที่สร้างขึ้นสมัยปลายรัชกาลที่ 3 เป็นวัดที่มีโลหะปราสาท แทนการสร้างเจดีย์ ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่ โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง มีบันไดเวียน 67 ขั้น ให้เดินขึ้นไปดูทิวทัศน์ข้างบนได้
พิกัด : https://goo.gl/maps/NWwBREdSnkv7fADN7
เรารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่ได้ขึ้นไปด้านบนของดลหะปราสาทครั้งแรก
03 พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม
ใต้ร่มเงาต้นชมพูที่อายุกว่า 100 ปีมีตำนานเล่าขานว่านี่คือต้นเดิมที่สุนทรภู่เคยปลูกไว้ตั้งแต่สมัยบวชเป็นพระมาจำวัดอยู่ที่นี่
พิกัด : https://goo.gl/maps/LtLYDqHnLNZitAaEA
ภายในพิพิธภัณฑ์มีความรู้และชีวประวัติของสุนทรภู่มากมาย รวมไปถึงแผ่นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือออริจินัลของท่านสุนทรภู่เองมาจัดแสดงให้เราดูด้วย ตามในภาพเลย นี่คือของแท้ของดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลือให้เราได้ชื่นชมอยู่ นอกจากนี้ในพิพิธภัณฑ์ยังมีโซนจัดแสดงรวมไปถึงกิจกรรมอีกมากมายให้เราได้เล่นแบบไม่เบื่อเลย พระอาจารย์ก็น่ารักและมีอารมณ์ขันมาก ทำให้เราสนุกตลอดเวลาที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
นอกจากที่นี่จะเป็นวัดดังที่สุนทรภู่มาจำวัดแล้ว วัดนี้ยังเป็น เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ที่ในหลวงรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับพระราชธิดาองค์โตของพระองค์ จึงมีความสวยงามและเอกลักษณ์ไม่แพ้ที่อื่น
ในพระอุโบสถมีหลวงพ่อขาวประดิษฐานบนบุษบก เป็นพระประธานปางมารวิชัย สลักด้วยหินสีขาวบริสุทธิ์ โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงถวายพระนามว่า พระพุทธเทววิลาส
เดินมาอีกนิดที่พระวิหาร จะมีรูปหล่อลงรักปิดทอง หมู่ภิกษุณี จำนวน 52 องค์ นั่ง 49 องค์ ยืน 3 องค์ อยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ หลากหลายท่า มีทั้งท่านั่งปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ฉันหมาก สูบยา ยืนไหว้ นั่งพนมมือ ถือเป็นรูปปั้นภิษุณีในวัดที่หาได้น้อยมากในโลกนี้
จบ ครบทั้ง 28 ร้าน 3 วัดของย่านเสาชิงช้ากันไปแล้ว กว่าจะครบได้เราบอกเลยว่าลูบท้องตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ความอิ่มจนไม่ไหวมันไม่มีอยู่จริงเมื่อเราเจอของอร่อย เพราะความอยากมันชนะทุกอย่าง อีกสิ่งที่ทำให้กินได้เรื่อยๆ คือเราใช้วิธีเดินเล่น เดินเรื่อยๆ ด้วยแหละ ทำให้ไม่แน่นไม่จุก อยากลองชิมร้านไหน อยากสั่งอะไร ก็สั่งได้ตามใจ กินเองบ้าง ช่วยกันกินบ้าน สนุกสนานกันไป สำหรับใครที่กำลังมองหาว่าวันว่างเราจะไปไหนทำอะไรดี ก็อยากจะให้ลองมาทางนี้ เจอร้านอาหารดีๆ เจอของอร่อยรออยู่เพียบเลย สำหรับคราวหน้าเราจะพาไปตะลุยที่ไหนก็ฝากไว้ช่วยติดตามเราด้วยนะจ๊ะ
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว