อะแฮ่ม!! ก่อนอ่านรีวิวนี้เราอยากให้เพื่อนๆ ตั้งสติ เตรียมเครื่องหัว ชุดผ้าถัก ประดับพร็อบสไตล์โบฮีเมียน แล้วเปิดเครื่องเสียงบิ๊วอารมณ์กันก่อน เพราะโพสต์นี้เราจะพาทุกคนไปพับกบ แฮร่! พบกับงาน Wonderfruit 2018 เทศกาลดนตรีและศิลปะสารพัดแขนง ที่บอกเลยว่าเปรี้ยวจี๊ด ซ่าสมกับเป็นเทศกาลผลไม้มหัศจรรย์กันเลยจ้า
งาน Wonderfruit 2018 ปีนี้ เรามีนัดปาร์ตี้เคล้าเสียงเพลงสไตล์ oldies สุดคลาสสิค ย้อนฟีลไปในยุคแผ่นเสียงรุ่งเรืองกันที่ Moonlight Lounge ที่จัดโดย SangSom พร้อมมันส์ พร้อมลุย พร้อมปาร์ตี้กันแล้วก็มา! เราจะพาไปส่องกันชัดๆ ว่าเทศกาลชิคๆ ปาร์ตี้โดนๆ ที่นี่มีอะไรเด็ดบ้าง ทำไมเราจึงไม่ควรพลาด
วันนี้เราเตรียมตัวแต่งตัวมาแบบจัดเต็ม เพราะเทศกาล Wonderfruit 2018 ที่จัดขึ้นตลอด 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-16 ธันวาคม 2018 เขามีดนตรีที่เราชื่นชอบ มีปาร์ตี้สนุกๆ ยามค่ำคืน โดยเฉพาะที่ SangSom Moonlight Lounge เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เลย เพราะมีดีเจจาก Studio Lam มาคอยบรรเลงเพลงให้เรารู้สึกมันส์ไปกับทุกท่วงทำนองจริงๆ
งานนี้มีเต้น บอกเลยยยยยย
SangSom Moonlight Lounge เขาไม่ได้มีดีแค่เสียงเพลงและบรรยากาศสนุกๆ นะจ๊ะ เพราะเลาจ์และบาร์ที่นี่สามารถดึงดูดความประทับใจแรกและกระชากฟีลความสนุกของทุกคนออกมาตั้งแต่เห็นการตกแต่งทั่วพื้นที่ด้วยสไตล์วินเทจและบรรยากาศท่ามกลางสไตล์เพลง Oldies แถมยังมีไฮไลท์เป็น Moon Chandelier ห้อยระย้าโดดเด่น เห็นแล้วเป็นอันต้องหยิบกล้องขึ้นมาแชะทันที
ด้วยความที่เทศกาล Wonderfruit 2018 เขาจัดขึ้นที่ Siam Country Club พัทยา เรากับเพื่อนเลยรีบออกจากกรุงเทพฯ มาแต่เช้า กะว่างานเปิดปุ๊บ เราจะพุ่งตัวเข้าไปเป็นคนแรกๆ แต่ผิดคาด ตอนที่เรามาถึงคนเริ่มทยอยกันมาเยอะพอสมควร แต่ไม่เป็นไร คนเยอะสิดี
ตอนแรกเราก็คิดว่าชุดที่เราใส่มาเนี่ยจัดเต็มขั้นสุดแล้วนะ แต่พอมาเจอหนุ่มๆ สาวๆ ในงานเข้าไป อื้อหือออ แต่ละคนนี่คือชุดเริ่ดจนเราอยากขอเวลานอก กลับกรุงเทพไปช้อปชุดแล้วกลับมาเดินประชันอีกรอบซะเหลือเกิน
อ๊ะ ลืมบอก ใครมีน้องหมาก็พามาเดินในงานได้เด้อ ข้อแม้คือเจ้าของต้องมาด้วย เพราะงานนี้เขามีบัตรสำหรับน้องหมาขายด้วยนะจ๊ะ
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะทราบแล้วว่า Wonderfruit เป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม การทำอาหาร สิ่งประดิษฐ์ คลาสโยคะ และการตกแต่งต่างๆ รวมไปถึงเป้าหมายหลักของเรา อย่าง ปาร์ตี้ที่ SangSom Moonlight Lounge โดยทุกหัวข้อที่ว่ามาเนี่ย เขาเน้นแนวคิดด้านความยั่งยืนค่ะคู๊ณณณ แค่ไอเดียก็เก๋ไก๋เว่อร์วัง ดังนั้น คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานนี้ก็ต้องเป็นคนที่หลงใหลศิลปะ มีความคิดและไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจกันในระดับนึงล่ะจ้ะ มา.. ตามมาเถอะ เดี๋ยวเราพาเข้าไปดูข้างในกัน
ต้องบอกว่าพอเดินเข้างานมาเนี่ย เห็นชัดเลยว่าสเกลงาน Wonderfruit เขาบิ๊กเบิ้ม อลังการมาก ยิ่งใหญ่สมกับเป็นเทศกาลระดับโลกจริงๆ
ระหว่างเดินเข้าพื้นที่จัดงานใหม่ๆ เราเลยต้องคอยมองลอดแว่นกันแดด สอดส่องสายตา ศึกษาในใจว่าอะไรอยู่ตรงจุดไหนบ้าง (โดยเฉพาะ SangSom Moonlight Lounge ที่เราตั้งใจจะไปปักหลักปาร์ตี้กันคืนนี้ อิอิ) จะได้ไม่โชว์เด๋อให้ใครเขาเห็น เดี๋ยวจะไม่เริ่ดสมชุดที่เราอุตส่าห์แต่งองค์ทรงเครื่องมา
ยิ่งเดินเข้ามาในงานก็ยิ่งต้องบอกว่า ส่วนที่เราชื่นชมจริงๆ ของงานนี้ก็คือการตกแต่งพื้นที่ที่สวยงามแปลกตา แต่ไม่ทิ้งโทน ไม่ว่าเราจะยืนตรงไหนก็สามารถใช้เป็นแบคกราวน์ถ่ายรูปเช็กอินเก๋ๆ ได้หมด
พื้นที่ในงานมีการจัดบูธกิจกรรม ร้านค้า และเวิร์คช็อปต่างๆ นาๆ ให้เราได้เลือกช้อป เลือกชิม หรือร่วมวงทำกิจกรรมกันเยอะแยะ แต่ไม่รกตา ซึ่งต้องชื่นชมว่างานนี้ได้รับการออกแบบและวางแผนผังงานมาดีมาก แถมอุปกรณ์ประกอบฉากประกอบบูธแต่ละส่วนก็ใช้วัสดุที่หาได้ง่ายๆ ในบ้านเรา แต่เอามาตกแต่งได้เก๋กู้ดทุกอย่าง เอาไป 10 / 10 / 10
หลังจากที่เดินร่อนชมบูธ แวะหาเครื่องดื่มเย็นๆ แก้กระหายกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เพิ่งจะสังเกตว่าคนที่มาร่วมงานนี้จำนวนไม่น้อยเลย เป็นชาวต่างชาติค่ะคุณขา ส่วนคนไทยสไตล์เท่ๆ เก๋ๆ ของเราก็มากันเพียบไม่แพ้กันจ้า แต่จะชาตินั้นชาตินี้หรือชาติไหนก็แล้วแต่ ความสนุกของงานนี้คือทุกคนเป็นกันเองและสามารถเข้ากันได้ง่ายมาก ด้วยความที่ต่างคนต่างเปิดใจมารับความสนุก และมีความชอบคล้ายๆ กันอยู่แล้ว เลยทำให้สามารถคุยกันแล้วคลิก พร้อมสนุกไปด้วยกัน ..เริ่ดไปอี้กกกกกกกก
แม้ว่างานนี้จะจัดบนพื้นที่โล่งรับแดด รับลมกันเต็มๆ แต่บอกเลยว่าทุกคนสู้ตาย บ่ยั่นแดด ธีมแห้งๆ แดดแรงๆ สีสันจัดจ้านแบบนี้แหล่ะ เสน่ห์ของงาน Wonderfruit ในช่วงกลางวัน แถมช่วงนี้แหล่ะจำนวนคนกำลังดี ส่วนไฮไลท์ช่วงกลางคืน ต้องให้ย้ำอีกมั้ยว่า มันคือ SangSom Moonlight Lounge ที่เราจะไปปักหลักปาร์ตี้กันนั่นแหล่ะแก
พอพระอาทิตย์เริ่มคล้อย ในพื้นที่งานก็ดูจะเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนๆ อีกจำนวนไม่น้อยทยอยกันเดินเข้างาน แวะชิม แวะชม ทำกิจกรรม ถ่ายรูปเช็คอินกันเต็มที่ เห็นแววความสนุกของค่ำคืนนี้รออยู่แล้วสินะ
ยิ่งดึกยิ่งคึกครื้น แค่ช่วงหัวค่ำดนตรีก็เริ่มส่งเสียงกระหึ่มมากขึ้น เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้น กระตุ้นอารมณ์และความสนุกของทุกคนให้พุ่งขึ้นไปอีก เรากับเพื่อนเลยรีบย่ำไปจับจองพื้นที่กันที่ SangSom Moonlight Lounge แบบด่วนๆ
SangSom Moonlight Lounge เป็นบาร์สไตล์วินเทจ ตกแต่งด้วย moon chandelier ห้อยระย้าสวยงาม
หลังจากที่เราหาที่นั่งพักชิลๆ แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะหาอะไรเย็นๆ ดื่มเพิ่มดีกรีความสนุกกันหน่อย
ต้องบอกว่าตกค่ำอากาศก็เริ่มเย็นสบายขึ้น แถมที่นั่งใน Moonlight Lounge ที่จัดเรียงสบายๆ ไม่แออัด ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น บวกกับเสียงเพลงสไตล์ Oldies จากดีเจ Studio Lam ที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงความคลาสสิคก็ช่างปลุกเร้า เรากับเพื่อนเลยเติมหัวเชื้อความสนุกกันเข้าไปอีกรัวๆ
แน่นอนว่าค่ำคืนนี้เราอยากจะลองจิบกันทุกเมนู เพราะที่ SangSom Moonlight Lounge เขามีค็อกเทลแสงโสมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยหลากหลายรสชาติ ผสมรัม น้ำมะพร้าว และน้ำผลไม้หลายชนิดตามความชอบ
แต่จะให้เราจัดคนเดียวทุกเมนูก็กลัวจะเดินออกจากร้านไม่ตรง เลยสลับกันสั่งคนละสองสามเมนูกับเพื่อน ชิมไม่ครบไม่กลับ จะได้ร่วมวงสนุกที่ SangSom Moonlight Lounge กันยันดึก
อย่างที่บอกไปว่า งาน Wonderfruit เขาจัดขึ้นเพื่อเสิร์ฟความสนุก ให้เราเสพงานศิลป์ ฟังดนตรี และปาร์ตี้กันโดยมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก ดังนั้น ในพื้นที่จัดงานนี้เลยจะไม่มีการใช้วัสดุพลาสติกแม้แต่ชิ้นเดียว เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลกอยู่ตอนนี้
ซึ่งแน่นอนว่าแก้วเครื่องดื่มใน SangSom Moonlight Lounge ก็เป็นแก้วกระดาษที่ทำมาจากชานอ้อย ภาชนะใส่อาหารก็ทำมาจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย และไม่ใช่แค่นี้นะจ๊ะขวดน้ำดื่มในงานเขาก็รณรงค์ให้นำมาเติมน้ำในงานได้เอง ส่วนถ้าใครไม่ได้พกมา เขาก็มีแก้วสเตนเลสไว้ขาย เรียกได้ว่า งดการใช้พลาสติกทั่วทั้งงานจริงๆ
อันนี้แหล่ะ ปลื้มจนต้องบอกต่อ
นั่งฟังเพลงเพลินๆ เพราะๆ แบบมีสไตล์ เพราะที่ SangSom Moonlight Lounge มีดีเจคอยเปิดเพลงขับกล่อม เพิ่มรสชาติความสนุกให้ทุกคนกันอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่งานนี้แต่ละคนเดินทางกันมาร่วมสนุกเต็มที่ คนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเองกันได้ เลยตัดปัญหาคนเมาเรื้อน ทะเลาะวิวาท หรือก่อความวุ่นวาย ซึ่งทำให้เรารู้สึกอุ่นใจในความปลอดภัยได้เต็มที่ ต้องอย่างนี้สิถึงจะเที่ยวสนุก
อ่ะ มาปาร์ตี้ทั้งทีต้องมีดนตรีสด ซึ่งก็แน่นอนว่าคอดนตรีอย่างเราไม่มีพลาด
ส่วนใครที่ไม่มีที่นั่ง ก็ไม่มีปัญหา เพราะเรามีเพื่อนๆ ในงานที่ต่างก็ยืนโยกย้ายไปตามเสียงดนตรีมากกว่าคนนั่งซะอีก ชิลวนไปจ้ะ
หลังจากที่เราสนุกสนานที่ SangSom Moonlight Lounge กันจนดึกดื่น ก็ได้เวลาพักผ่อนเอาแรง เพราะงาน Wonderfruit จัดยาวตั้ง 4 วัน ใครที่พลาดไฮไลท์ตรงไหนก็ยังมีวันหลังให้แก้ตัว ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่มีเวลายิงยาว 4 วันรวด ก็สามารถมาจอยปาร์ตี้ SangSom กันที่ SangSom Moonlight Lounge ในงาน Wonderfruit ได้เหมือนกัน เพราะเขามีบัตรหลายรูปแบบให้เลือกเข้าร่วมงานได้ตามที่เราสะดวก ทั้งบัตร 4-DAY PASS, WEEKEND PASS, SUNDAY PASS หรืออยากจะไปมันส์กันแบบกลุ่มใหญ่ เขาก็มี PARTY PASS แบบกลุ่ม 10 คน ที่สำคัญใครที่อยากพาน้องหมาไปเดินเล่น เขาก็มีบัตร DOG PASS ให้ด้วย
กลับจากงาน Wonderfruit 2018 ปีนี้ เรายังรู้สึกมันส์ค้างอยู่เลย คิดมาตลอดทางว่าอยากให้จัดอีกถี่ๆ เพราะใครที่พลาดปาร์ตี้โดนๆ รอบนี้ก็ต้องรออีกทีปลายปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่า เรากับเพื่อนเริ่มแพลนชุดทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพฯ นางเล่นส่งไลน์มาปรึกษาเรื่องชุดที่จะใส่ไปแดนซ์ใน SangSom Moonlight Lounge ที่ Wonderfruit 2019 ตั้งแต่เพิ่งจบงาน Wonderfruit 2018 ยังไม่พ้นวัน นางบอกว่าติดใจทั้งสไตล์และไอเดียของงาน แถมความสนุกที่ SangSom Moonlight Lounge ยามค่ำคืนก็เรียกร้องให้กลับไปอีกเหลือเกิน จบเทศกาล Wonderfruit 2018 ปีนี้ไป ยังไงปีหน้าก็ต้องไปซ้ำ ส่วนใครที่ยังสองจิตสองใจ เอ๊ะ จะไปไม่ไปดี เราตอบให้แทนเลยแล้วกันว่า แกห้ามพลาด!