ที่สุดของประสบการณ์อาหารใต้แบบเอ็กซ์คลูซีฟเพียงขับรถมุ่งหน้าไป ‘เริน Rern’ ร้านหรูบรรยากาศดีที่จะทำให้เราลืมภาพอาหารใต้ที่เคยลองมาทั้งหมดเพราะที่นี่รังสรรค์เมนูด้วยแรงบันดาลใจและความละเมียดละไมของความเป็นใต้แท้ ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านอาหารตามแบบฉบับ ‘Thai Southern Fine Dining’ เริ่มตั้งแต่ตกแต่งตามเรฟของสระมรกต จ.กระบี่ เลือกวัตถุดิบชั้นดีจาก 14 จังหวัดภาคใต้สู่โต๊ะอาหาร ไปจนถึงถ้วย จาน ชาม ภาชนะต่าง ๆ ก็ถูกจัดทำขึ้นตามอินสปายเรชั่นของชาวใต้เช่นกัน เรียกได้ว่าเก็บรวบความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลภาคใต้มาสู่เมนูทุกจานแบบว๊าว ว๊าว
อาหารมี 4 คอร์สรวม 15 เมนู นอกจากจะเป็นร้านสุดหรูระดับห้าดาวแล้ว ที่สำคัญคือที่นี่จะเปลี่ยนเมนูที่เสิร์ฟให้แตกต่างกันตามฤดูกาล ทำให้ในแต่ละครั้ง เราจะได้ลิ้มลองความเลิศรสของอาหารใต้ในตำนานที่แตกต่างกันออกไปด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม
FB : เริน Rern
Tel : 095-5155142
IG : rern.bangkok
พิกัด : goo.gl/maps/yYZWCmGVKcqNSNyS8
เวลคัมดริ๊งก่อนจะเข้าไปประจำที่
บรรยากาศดีมาก จนลืมว่าอยู่กลางกรุง
ห้องอาหารจะมีความเป็นส่วนตัว แยกออกจากกันทุกห้อง และที่สำคัญคือต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
อาหารของที่นี่จะมี 4 คอร์ส รวม 15 เมนู ทุกเมนูมีความสร้างสรรค์และได้แรงบันดาลใจมาจากความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลภาคใต้ทั้งสิ้น ที่สำคัญคือยังเน้นใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น นำสูตรอาหารที่ตกทอดมาหลายรุ่นมาตีความใหม่ ให้ได้ความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
เริน ในภาษาใต้นั้นแปลว่าบ้าน ซึ่งเราเห็นด้วยกับชื่อนี้มาก ๆ เพราะเมื่อจอดรถเสร็จแล้วเดินเข้ามาในร้านจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างเหมือนอยู่คนละจังหวัด ไม่คิดเลยว่าร้าอาหารกลางกรุงจะบรรยากาศดี ร่มรื่น และลมเย็นสบายขนาดนี้ ที่นี่ใช้คอนเซ็ปของสระมรกต จังหวัดกระบี่มาตีความในแบบของตัวเอง ทำให้มีสระน้ำอยู่กลางร้านและรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานา ที่โดดเด่นคือ ต้นพูนทรัพย์ ไม้ใหญ่ของที่นี่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านสวนริมน้ำ ที่แอบมีความหรูหรา สง่างาม ลงตัวสุด ๆ
ก่อนจะเดินเข้าไปห้องทานอาหาร ทาง เริน ก็ต้องขอยก Welcome Drink หอม ๆ เย็น ๆ มาเสิร์ฟก่อน เป็นวัฒนธรรมของชาวใต้ที่ใครมาบ้านก็ต้องได้กินน้ำกินข้าว สำหรับเวลคัมดริ๊งของที่นี่ก็จะเป็นน้ำดอกดาหลาสีชมพูฟลามิงโก หอมกลิ่นดอกไม้และได้ความเปรี้ยวซ่าชื่นใจ ด้านบนท้อปด้วยขิงเชื่อมตัดรสเปรี้ยวได้ดีเลยแหละ
และนี่ก็คือห้องอาหารของเราในมื้อนี้ เราชอบมาก ๆ เลย เป็นห้องกระจกริมน้ำ ได้บรรยากาศและวิวสวย ๆ มาเสริมให้อาหารยิ่งได้อรรถรสไปอีก
และเวลาที่รอคอยก็มาถึง ทางร้านต้อนรับเราด้วย First Impressions 3 เมนู
เริ่มต้นด้วย ‘ขนมเบื้องปลาลูกเบร่ ‘
เป็นการนำปลาลูกเบร่ ของดีเมืองพัทลุง นํามาทําให้คล้ายขนมเบื้องท้อปด้วยมูสมะม่วงเบาของดีเมืองนครศรีธรรมราช และเติมครีมมะกรูด ความเค็มของปลาด้านล่างผสมกับความเปรี้ยวของมะม่วงเบาและกลิ่นโชย ๆ ของมะกรูด ช่วยเปิดต่อมรับรสได้อย่างดีเลย
ต่อมาคือ ‘หอยชักตีน บนแพใบเล็บครุฑ’
หอยชักตีน ของดีกระบี่ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่รังสรรค์รสชาติโดดเด่นตามแบบฉบับของเรินพร้อมด้วยเจลมะนาวที่วางอยู่บนแพใบเล็บครุฑ ทำให้เกิดรสชาติแปลกใหม่ มีความกรุบกรอบในปาก เปรี้ยวนำเผ็ดและได้สัมผัสความหนึบของหอยชักตีนนัวในปากจนอยากจะเคี้ยวนาน ๆ
เมนูเรียกน้ำย่อยที่ตราตรึงใจเราที่สุดขอยกให้ ‘กุ้งผัดกะปิสะตอ’
ที่มองจากภายนอกยังไงก็ไม่ใช่กุ้งกะปิสะตอแน่นอน ทางร้านใช้ข้าวพองสังข์หยดมาท้อปกุ้งหางแดงปากพนังจากนครศรีธรรมราชและซอสกะปิสูตรเฉพาะของทางเรินและเพิ่มความมันจากแห้วจูด แห้วนาหาทานได้แค่แถบเฉพาะตลาดร้อยปีปากพนัง ที่สำคัญคือเจลสะตอที่ท้อปอยู่บนเนื้อกุ้ง กัดเข้าไปทั้งคำคือตาลุกวาว จุดเด่นของเมนูนี้คือ รสชาติและกลิ่นกุ้งผัดกะปิสะตอชัดมากกกกและอร่อยสุด ๆ จนไม่อยากหยุดแค่คำเดียวเลยอ่ะ
และต่อมาจะเป็นคอร์ส Favourites from the Provinces มีทั้งหมด 3 เมนูด้วยกัน
‘กรรเชียงปูม้า ในหลนไข่ปู’ เมนูไทยmujwfhแรงบันดาลใจจากสระมรกต กระบี่ ดูจากจานก็รู้เลยว่านี่คือสระมรกตที่พร้อมให้เจ้าปูมาแหวกว่าย และเจ้าหลนปูในชุดถ้วยนี้ไม่ธรรมดานะ ว่ากันว่านี่คือเมนูสุดป๊อปปูล่าของคอร์สเลยแหละ กรรเชียงปูคือเนื้อแน่นสุด ๆ ส่วนหลนนั้นมีความครีมมี่รสชาติแบบที่ไม่เคยได้ลิ้มรสจากหลนที่ไหนมาก่อน ถ้วยนี้ทุกคนบนโต๊ะชดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้ำเลย เราขอแนะนำจริง ๆ
‘ขนมจีบกุ้งมังกรเจ็ดสี’
ถัดมาเป็นติ่มซำของดีจ.ตรัง แต่ที่นี่ยกระดับความเป็นติ่มซำด้วยการใช้เนื้อและน้ำซุปปลาดุกร้ามารังสรรค์ให้เกิดขนมจีบคำโต แถมยังมีกุ้งมังกรเจ็ดสีชิ้นเบิ้มวางด้านบนสุด เสิร์ฟคู่กับจิ๊กโฉ่วสีชมพูสะดุดตาที่หาทานยาก เป็นอีกเมนูที่ต้องจดจำไว้นาน ๆ เลยแหละ
‘หมูย่างตรัง ซอสกําเจือง’
อาหารเช้าขึ้นชื่อของเมืองตรังหากินได้ทั่วเมือง จานนี้ใช้หมูสามชั้นออแกนิคคลุกเคล้าผงหอมเมืองตรังและน้ำจิ้มสัญชาติตรังแท้อย่างค่อมเจือง เพิ่มรสด้วยการบีบมะนาวลงไปเล็กน้อยแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินของชาวเมืองตรังอย่างดีเลย
ก่อนจะเข้าสู่จานหลักหรือคอร์สที่ 3 Samrub ก็มีเมนู Refresher อย่างตะลิงปลิงระเบิดให้ล้างปากกันก่อนด้วย และหลังจากนั้นกับข้าวจานพิเศษก็ทยอยออกมาพร้อมกับผักแกล้มและข้าวสังข์หยดซึ่งเป็นข้าวพื้นเมืองพัทลุงที่อุดมด้วยสารอาหาร
‘แกงส้มขาหมูหน่อไม้ดอง’
แกงส้มหรือแกงเหลืองขาหมูหน่อไม้ดองที่ต้องยกให้เพราะรสชาติแบบแกงส้มแท้ ๆ และขาหมูที่นุ่มละลายในปากเพราะทางร้านใช้ขาหมูออแกนิคเลี้ยงในฟาร์มเปิด มาสไลด์แบบ osso bucco จากนั้นนำไปเผาบนเตาถ่านให้พอมีกลิ่นตามวิถีโบราณของชาวใต้ แล้วนำไปตุ๋นต่ออีก 1 วัน เสิร์ฟคู่กับหน่อไม้ที่ทางเรินดองเองจากน้ำซาวข้าวสังข์หยด ท่านจึงเชื่อมั่นได้ว่า สะอาดและปลอดภัยจากสารตะกั่ว
‘ฉู่ฉี่ปลาช่อนเล’
เนื้อปลาช่อนเลสด ๆ จากลุ่มน้ำทะเลลึกใช้การสงบปลาผ่านการ ikajime ทำให้ยังคงความสดของปลาได้ยิ่งขึ้น มาฉู่ฉี่ด้วยพริกแกงใต้ 2 ชนิดให้ได้น้ำแกงที่มีรสชาติเข้มข้นแล้วนำมาเคี่ยวกับใบส้มแป้น อีกทั้งยังมีขี้โล้ หรือโปรตีนจากมะพร้าวกรุบกรอบ ทุกอย่างรวมกันทำให้รสชาติของจานนี้ซับซ้อนมีมิติ
‘ผัดถั่วฝักยาว’
อันนี้เป็นถั่วฝักยาวของภาคใต้ เราเองก็ลืมชื่อและรายละเอียด แต่อร่อยมาก ซึ่งจริง ๆ เมนูนี้จะเป็นผัดผักตามฤดูกาล เพราะทางร้านอยากให้ผักที่นำมาผัดสดใหม่ทุกวัน
‘แกงขี้เหล็กเนื้อหนางไทยวากิวยะลา’
จานนี้เราขอยกให้เป็นเดอะเบสส์ของเราในคืนนี้เลย กับแกงขี้เหล็กที่ใช้ความใส่ใจและประณีตในกรรมวิธีการปรุงทำให้แทบจะไม่เหลือความขมอยู่เลย มาแกงคู่กับเนื้อหนางไทยวากิว ซึ่งเนท้อหนางนั้นเป็นการถนอมอาหารแบบชาวใต้ ด้วยรสชาติเนื้อที่ออกเปรี้ยวแต่ยังคงความนุ่มตามฉบับเนื้อไทยวากิว ยิ่งช่วยตัดรสเลี่ยนกับแกงกะทิที่ปรุงตามแบบฉบับของเรินได้เป็นอย่างดี
‘หมึกหอมผัดน้ำดำ’
หมึกหอมสดส่งตรงจากเกาะลันตา นำมาลอกหนังและใยออกเพื่อลดความเหนียว แล้วย่างด้วยไฟกลาง ผัดรวมกับน้ำซอสหมึกดำจากดีหมึกหอม รสชาติหวานหอมเคี้ยวหนึบลิ้น
‘แกงชะมวงหมูสันในออแกนิค’
เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากหมู่บ้านคีรีวงศ์ เหมือนบรรยากาศในหมู่บ้านที่ขึ้นชือว่า โอโซนดีทีสุด โดยการใช้สันในหมูที่คัดสรรเฉพาะหมูที่เลี้ยงปล่อยในทุ่งโตกับธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมน หรือสารเร่งเนื้อแดง มาราดด้วยน้ำต้มหมูใบชะม่วง ที่ใช้เทคนิคในการทำให้น้ำใสถึงก้นถ้วย แต่ยังได้รสชาติอยู่ครบ เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางใต้
และคอร์สสุดท้ายเป็น Journey’s End
‘ไอศกรีมจาวมะพร้าว’
เรียกได้ว่าเป็นการปิดจบอย่างสวยงามฟินนาเล่ กับไอศกรีมจาวมะพร้าว เป็นส่วนหัวของหน่ออ่อนที่เกิดในลูกมะพร้าว เนื้อไอศกรีมถูกทำออกมาให้มีรสเค็มจากเกลือบ่อหัวเฮด บึงกาฬ ที่มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ทานคู่กับเมอแรงค์รสหวาน มะพร้าวกะทิเชื่อม เม็ดจําปาดะ และจำปาดะทอด เป็นการรวมมิตรของหากินยากเลยก็ว่าได้ อันนี้เราขอยกนิ้วโป้ง ซึ่งทุกคนก็ชื่นชมหนักมากอย่างเป็นเอกฉันท์ว่ามันหรอยจังฮู้
‘ชาใบฝรั่งหงเปาสือ’
และจะขาดชาหอม ๆ ล้างปากไปเสียมิได้ กับชาใบฝรั่งและน้ำฝรั่งไส้แดงหงเป่าสือสะกัดเย็น ส่งตรงจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เรินนำทั้ง 2 สิ่งเข้ามาผสมเข้ากับชาไวท์ดาหลา เกิดเป็นรสชาติที่นุ่มลึก หอม ฝาดต้นหวานปลาย รสชาติตราตรึงจนต้องจิบแล้วจิบอีก เป็นการรปิดคอร์สอย่างสมบูรณ์เพอร์เฟค
ก่อนกลับปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มทั้งค็อกเทลและม็อกเทลแบบไทย ๆ อย่าง Bussarakam และ Pomelo ที่ทางร้านได้หยิบยกวัตถุดิบที่มีความเป็นไทยทั้งหลายมารังสรรค์เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติดี ให้มิติในการดื่มที่แตกต่างกัน สำหรับเรานั้นชอบ Pomelo มาก ๆ ทั้งหอมและชื่นใจ