ไม่กี่วิวในโลกที่มองกี่ครั้ง ดูกี่ที เห็นจากมุมไหนก็สวยสะกดตาและเปี่ยมไปด้วยมนต์สเน่ห์ทุกคราที่ได้เห็น สำหรับเราหนึ่งในนั้นคือ วิวภูเขาไฟฟูจิ ปกติการมาเยี่ยมฟูจิซัง ณ 𝐅𝐮𝐣𝐢 𝐤𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 ในทุกครั้งเราจะมาแบบวันเดย์ทริปตลอด แต่คราวนี้เราขอมาค้างคืน หลับเต็มที่และตื่นเช้ามาก็ยังได้เห็นฟูจิแบบเต็มตาให้เต็มอิ่มไปเลย ซึ่งจุดเช็คอินที่น่าสนใจรอบ ๆ คาวากูจิโกะจะมีที่ไหนบ้าง ตามเรามาเที่ยวด้วยกันเล้ยยยย
.
และทริปญี่ปุ่น เดินทางเยอะ นั่งรถไฟยาว ๆ ห้องนอนพื้นที่จำกัดแค่ไหน เราก็ไม่วอรี่เพราะทริปนี้เรามากับกระเป๋าเดินทางสุดคูลพร้อมฟังชั่นสุดคุ้มอย่าง 𝐒𝐚𝐦𝐬𝐨𝐧𝐢𝐭𝐞 𝐔𝐍𝐈𝐌𝐀𝐗 เพราะ 𝐀𝐞𝐫𝐨 𝐓𝐫𝐚𝐜™ 𝐒𝐮𝐬𝐩𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐖𝐡𝐞𝐞𝐥 ช่วยให้ควบคุมกระเป๋าได้อย่างราบรื่นด้วยระบบเบรกห้ามการไหล่ของกระเป๋า เสริมด้วยระบบเบรกล้อหน้า วางบนรถไฟรถบัสไม่ไหลไม่ต้องจับ และเป็นซิบเปิดฝาหน้าไม่กินพื้นที่ แถมล้อดี แข็งแรง สมชื่อ 𝐒𝐚𝐦𝐬𝐨𝐧𝐢𝐭𝐞 เค้าอยู่แล้ว
มาเที่ยวญี่ปุ่นนั้นแน่นอนว่าต้องเดินเยอะ ลากกระเป๋าเดินทางไกล ๆ พกกระเป๋าเดินทางไปไหนมาไหนเปลี่ยนเมืองตลอด แถมที่พักบางครั้งก็มีพื้นที่น้อยใช้สอยอย่างประหยัด ดังนั้นสำหรับเราแล้วการเลือกใช้ 𝐒𝐚𝐦𝐬𝐨𝐧𝐢𝐭𝐞 𝐔𝐍𝐈𝐌𝐀𝐗 คือการตัดสินใจที่ถูกที่สุดของทริป เพราะน้องมาพร้อมกับ 𝐀𝐞𝐫𝐨 𝐓𝐫𝐚𝐜™ 𝐒𝐮𝐬𝐩𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐖𝐡𝐞𝐞𝐥 และช่วยให้ควบคุมกระเป๋าได้อย่างราบรื่นด้วยระบบเบรกห้ามการไหล่ของกระเป๋า เป็นระบบกันสะเทือนแบบดูดซับแรงกระแทก ซึ่งช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนเพื่อความคล่องตัว เสริมด้วยระบบเบรกล้อหน้า วางบนรถไฟรถบัสไม่ไหลไม่ต้องจับ และเป็นซิบเปิดฝาหน้าไม่กินพื้นที่ แถมล้อดี แข็งแรง สมชื่อ 𝐒𝐚𝐦𝐬𝐨𝐧𝐢𝐭𝐞 เค้าอยู่แล้ว ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ samsonite/unimax
สำหรับการเดินทางมาสถานี 𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 นั้น สามารถใช้บริการได้ทั้งรถไฟ 𝐉𝐑 โดยเราขอแนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้าเอาไว้ เพราะหากนั่งแบบธรรมดาอาจเสี่ยงต้องยืนเป็นชั่วโมง หรือจะเลือกนั่งบัสตรงจากชินจูกุแล้วมาลงหน้าสถานี 𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 ก็สะดวกไม่แพ้กัน
อย่างที่เราบอกเลยว่าทริปนี้เราเดินทางมากับ 𝐒𝐚𝐦𝐬𝐨𝐧𝐢𝐭𝐞 กระเป๋าเดินทางระดับพรีเมียม รุ่น 𝐔𝐍𝐈𝐌𝐀𝐗 รุ่นนี้น้องได้รับรางวัล “𝐁𝐞𝐬𝐭 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐁𝐞𝐬𝐭” สำหรับการออกแบบที่โดดเด่นที่สุดของรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ “𝐑𝐞𝐝 𝐃𝐨𝐭 𝐃𝐞𝐬𝐢𝐠𝐧 𝐀𝐰𝐚𝐫𝐝 𝟐𝟎𝟐𝟐” ด้วยนะ จุดเด่นของน้องก็คือ 𝐀𝐞𝐫𝐨 𝐓𝐫𝐚𝐜™ 𝐒𝐮𝐬𝐩𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐖𝐡𝐞𝐞𝐥 ช่วยให้ควบคุมกระเป๋าได้อย่างราบรื่นด้วยระบบเบรกห้ามการไหล่ของกระเป๋า รหัสล็อครหัส 𝟑 หลัก 𝐓𝐒𝐀 𝐂𝐨𝐦𝐛𝐢𝐧𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐋𝐨𝐜𝐤 และซิปป้องกันการโจรกรรมพร้อมตัวดึงแม่เหล็กเป็นมาตรฐานสำหรับการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ด้วยการออกแบบ คุณลักษณะที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และรายละเอียดที่สร้างสรรค์ 𝐔𝐧𝐢𝐦𝐚𝐱 มาพร้อมการตกแต่งด้วยแถบโลโก้อลูมิเนียม ที่ออกแบบมาให้พอดีกับส่วนโค้งของกระเป๋าเดินทาง ไม่เพียงแต่ป้องกันผลกระทบจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังสร้างรูปลักษณ์ที่หรูหราอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมียังมีระบบ 𝐀𝐞𝐫𝐨 𝐓𝐫𝐚𝐜™ 𝐒𝐮𝐬𝐩𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐖𝐡𝐞𝐞𝐥 ล้อนวัตกรรมใหม่ที่ ลดแรงสะเทือนและดูดซับเสียงและแรงกระแทกทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น และระบบเบรกที่สามารถใช้งานได้ง่ายด้วยมือเดียว และยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอีกด้วย
คุณสมบัติ
• 𝐂𝐨𝐫𝐧𝐞𝐫 𝐏𝐫𝐨𝐭𝐞𝐜𝐭𝐨𝐫𝐬 แผ่นป้องกันแรงกระแทกตรงมุมกระเป๋าพร้อมโลโก้ในตัว
• ระบบล้อ 𝐀𝐞𝐫𝐨-𝐓𝐫𝐚𝐜™ 𝐒𝐮𝐬𝐩𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧 เป็นระบบกันสะเทือนแบบดูดซับแรงกระแทก ซึ่งช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนเพื่อความคล่องตัว เสริมด้วยระบบเบรกล้อหน้า.
• 𝐓𝐒𝐀 𝐂𝐨𝐦𝐛𝐢𝐧𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐋𝐨𝐜𝐤 รหัสล็อคแบบผสม
• 𝐀𝐍𝐓𝐈-𝐒𝐇𝐄𝐅𝐓 𝐒𝐄𝐂𝐔𝐈𝐓𝐘 𝐙𝐈𝐏𝐏𝐄𝐑 ซิปกันขโมยพร้อมที่ดึงหางซิปแม่เหล็ก
• เทคโนโลยีวัสดุ 𝐑𝐞𝐜𝐲𝐜𝐥𝐞𝐱 ™สำหรับซับในและซิป 𝐏𝐄𝐓 รีไซเคิล
• 𝐂𝐫𝐨𝐬𝐬 𝐑𝐢𝐛𝐛𝐨𝐧𝐬 สายรัดสัมภาระแบบไขว้
• 𝐁𝐨𝐭𝐡 𝐬𝐢𝐝𝐞𝐬 𝐝𝐢𝐯𝐢𝐝𝐞𝐫 𝐩𝐚𝐝𝐬. แผ่นกันสัมภาระแบบซิป
• แผนกั้นสัมภาระสามารถม้วนเก็บได้
• 𝐄𝐱𝐩𝐚𝐧𝐝𝐚𝐛𝐥𝐞 ขยายขนาดเพิ่มความจุได้
𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 𝐒𝐭𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧
เอาล่ะ นั่งรถไฟมาอย่างใจจดจ่อ และแล้วเราก็ถึงคาวากูจิโกะที่รักแล้ว เมื่อมาถึงสถานี Kawaguchiko แล้ว จุดแรกที่อยากแนะนำให้ไปเช็คอินชมวิวเลยคือ ลานจอดรถข้าง ๆ สถานีรถไฟนี่แหละ การได้ถ่ายรูปคู่กับเจ้ารถไฟลายน่ารัก ๆ และภูเขาไฟฟูจินั้น จะหาโอกาสที่ไหนได้บ่อย ๆ ล่ะใช่มั้ย
ซอยต่าง ๆ ใกล้ ๆ สถานีก็เป็นจุดที่น่าแวะน่าถ่ายรูปทุกซอยเลย แต่ต้องขอให้ช่วยระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวและเสียงดังรบกวนชาวบ้านแถวนั้นด้วยน้า อย่างไรก็อยากให้เที่ยวและเช็คอินกันอย่างมีน้ำใจ เกรงใจเจ้าบ้านกันด้วยล่ะทุกคน
การเดินทางเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบส 𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 ก็มีให้เลือกหลายวิธีเลยนะ จะเช่าจักรยานปั่นชิว ๆ ก็ได้หรือจะใช้วิธีนั่งรถบัสแบบเรา ซึ่งถ้ามีแพลนจะเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบจริง ๆ แนะนำให้ซื้อตั๋วรถบัสแบบ 𝟐 𝐃𝐚𝐲𝐬 𝐏𝐚𝐬𝐬 ได้เลย ซึ่งจะมี 𝟑 เส้นทางด้วยกัน คือ
-𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨 𝐒𝐢𝐠𝐡𝐭𝐬𝐞𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐁𝐮𝐬 (𝐑𝐞𝐝-𝐋𝐢𝐧𝐞): วิ่งรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ (𝐊𝐚𝐰𝐚𝐠𝐮𝐜𝐡𝐢𝐤𝐨)
-𝐒𝐚𝐢𝐤𝐨 𝐒𝐢𝐠𝐡𝐭𝐬𝐞𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐁𝐮𝐬 (𝐆𝐫𝐞𝐞𝐧-𝐋𝐢𝐧𝐞): วิ่งไปทะเลสาบไซโกะ (𝐒𝐚𝐢𝐤𝐨)
-𝐍𝐚𝐫𝐮𝐬𝐚𝐰𝐚/𝐒𝐡𝐨𝐣𝐢𝐤𝐨/𝐌𝐨𝐭𝐨𝐬𝐮𝐤𝐨 𝐒𝐢𝐠𝐡𝐭𝐬𝐞𝐞𝐢𝐧𝐠 𝐁𝐮𝐬 (𝐁𝐥𝐮𝐞-𝐋𝐢𝐧𝐞): วิ่งไปปทะเลสาบโมโตสุโกะ (𝐌𝐨𝐭𝐨𝐬𝐮𝐤𝐨)
𝐈𝐲𝐚𝐬𝐡𝐢 𝐧𝐨 𝐒𝐚𝐭𝐨 – 𝐅𝐮𝐣𝐢
จุดแรกที่เราแนะนำเลยคือ ‘Iyashi no Sato’ หมู่บ้านเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้คงเดิม เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้เราเดินลัดเลาะชมนิทรรศการประวัติศาสตร์ แวะร้านขายของที่ระลึก ชมงานฝีมือดั้งเดิม ที่แอบซ่อนอยู่ในบ้านไม้โบราณตั้งเรียงรายมากกว่า 20 หลัง ส่วนไฮไลต์เด็ดของที่นี่คือ วิวจากตัวหมู่บ้านที่มองออกไปแล้วเห็นภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง มันเหมือนเราได้ย้อนเวลาไปสมัยซามูไร แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนมาเดินอ้อนแอ้น ถ่ายรูปสักกรุบ บอกเลยหนทางเป็นนางงามญี่ปุ่นในฝันนั้นอยู่ไม่ไกล พร้อมค่าเข้าที่แสนเป็นมิตร เพียง 500 เยนเท่านั้น
𝐎𝐬𝐡𝐢𝐧𝐨 𝐇𝐚𝐤𝐤𝐚𝐢 𝐕𝐢𝐥𝐥𝐚𝐠𝐞
จุดนี้ต้องอาศัยความกล้าเพราะว่าอยู่นอกเส้นทางของบัสที่ซื้อ Pass เอาไว้นะ แต่รับรองว่าได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอดแน่นอนที่ Oshino Hakkai Village หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อหมู่บ้านน้ำใสที่หน้าตาอาจจะเหมือนหมู่บ้านโบราณทั่วไป แต่ไฮไลต์เขาอยู่ที่บ่อน้ำกลางหมู่บ้านทั้ง 8 บ่อ ที่เกิดจากหิมะภูเขาไฟฟูจิละลาย ไหลผ่านหินลาวา ก่อนแทรกขึ้นมาอวดโฉมความบริสุทธิ์อุดมแร่ธาตุให้เราได้เห็น งดงามจนถูกยกให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติเมื่อปี 1934 และได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี 2013 ภายใต้ชื่อ Fujisan, Sacred Place and Source of Artistic Inspiration โดยเขาเปิดให้เราเข้าชมได้ฟรี ใจดีแบบนี้ไม่ให้หลงรักได้ไง?
𝐎𝐢𝐬𝐡𝐢 𝐏𝐚𝐫𝐤
จากชมประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาชมสวน ชมธรรมชาติกันบ้างที่ ‘Oishi Park’ ทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่เปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล ช่วงที่คนนิยมมามากที่สุดจะเป็นเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่ทั้งทุ่งจะเต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์สีม่วง เปี่ยมมนต์เสน่ห์ แต่ไม่ว่าจะมาช่วงไหนก็จะได้เจอวิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิมารอทักทายอย่างแน่นอน ที่สำคัญเหล่านักช็อป นักล่าคาเฟ่จะต้องหูตาวาว เพราะเขามีร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร ให้เราได้แวะกินข้าวแกงกะหรี่รูปภูเขาไฟฟูจิ เคล้าซอฟต์เสิร์ฟสีม่วง ซื้อสินค้าแปรรูปจากบลูเบอร์รี ขนม ของฝากทรงฟูจิ ที่ทั้งหมดถือเป็นเป็นซิกเนเจอร์ของเขา
𝐃𝐨𝐭 𝐇𝐨𝐬𝐭𝐞𝐥 & 𝐁𝐚𝐫
ถามถึงเรื่องที่พักครั้งนี้ เราเลือกนอนโฮสเทล ทว่าเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวขั้นสุด เริ่มจากการตกแต่งเน้นไปทางโคซี่ เหมือนได้มาพักผ่อนอยู่บ้านเพื่อน ให้ความสำคัญเรื่องไลฟ์สไตล์ ครบทั้งห้องครัว ส่วนกลางที่เป็นเสมือนบาร์และคาเฟ่ มีโซนนอนดูหนัง ส่วนห้องนอนมีทั้งแบบนอนรวม ห้องส่วนตัวสำหรับสองคน และสำหรับครอบครัว แยกได้เป็น 7 ไทป์ด้วยกัน เน้นการออกแบบในทางมินิมอล แต่ฟังก์ชันนัลจ๋า ๆ คือห้องเรียบตกแต่งน้อย แต่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก หลับสบายจนอยากจะจองเพิ่มอีกคืน ที่สำคัญตั้งอยู่ใกล้ Oishi Park ด้วย
𝐅𝐔𝐉𝐈𝐘𝐀𝐌𝐀 𝐂𝐎𝐎𝐊𝐈𝐄
หากใครไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร ทางเราก็มีมานำเสนอ ‘FUJIYAMA COOKIE’ ร้านของฝากยืนหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้า Mt. Kachi Kachi วางขายคุกกี้รูปภูเขาไฟฟูจิ ทรงปุ๊กปิ๊กน่ารัก ดูมีความคราฟต์แตกต่างจากขนมในร้านของฝากทั่วไป มีให้เลือกถึง 5 รสชาติ Vanilla, Chocolate, Earl Grey Tea, Green Tea, Strawberry จะเอาแบบทรงภูเขาธรรมดา หรือมีหิมะอยู่ตรงยอด (ราดด้วยไวท์ช็อกโกแลต) ก็ได้ ส่วนแพ็กเกจก็มีทั้งขายเดี่ยว ขายรวม แบบธรรมดาสำหรับกินเอง ให้เป็นของขวัญกับเพื่อนน่ารัก ๆ ซื้อเป็นของฝากแสนหรูสำหรับผู้ใหญ่ เหมาไปให้หมด ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักกระเป๋า เพราะทางเราซื้อเผื่อเอาไว้อย่างดี ช็อปกันได้ไม่อั้นเลยจ้า
อย่างที่เรายืนยันตอนแรกว่า ฟูจิซัง ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ซึ่งเราไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ และเราอยากให้ทุกคนได้มาหลงใหลความยิ่งใหญ่และสวยงามนี้แบบที่เราได้เห็นบ้าง ซึ่งอย่างหนึ่งที่ต้องบอกเลยว่า ไม่ว่าจะมาฤดูไหน ช่วงไหน ก็สวยสดใสไม่ลดลงเลยจริง ๆ ไว้รอบหน้าเราจะมาหาใหม่นะคุณฟูจิ
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว