#สิกขิม #ที่นี่อินเดียไม่ใช่ยุโรป โพสต์นี้เราจะพาไปเที่ยวรัฐสุดขอบตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย รับรองว่าว้าวแน่ๆ โรดทริป 6 วัน รถ 2 คัน กับ 12 คนและงบคนละ 16000 รวมบิน รวมพล กดตั่ว จองทัวร์ ซื้อประกันการเดินทาง เสร็จปุ๊ปเตรียมตัวบินลัดฟ้าไปท้าความหนาวของอินเดีย ประสบการณ์ที่เราใช้เงินแลกไป เราได้อะไรบ้างงั้นเหรอ มีทั้งเที่ยวเมืองเที่ยวเขาเที่ยวทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ เดินเล่นชมวิถีชีวิต กินอาหารพื้นเมือง โรดทริปวิวสุดอลัง ขี่น้องจามรี ปาหิมะใส่กันที่Zero point แถมยังขึ้นดอยไปชมไร่ชา เป็นทริปที่ต้องกลับมาบอกพ่อบอกแม่เลยว่า เสียวเสี่ยงแต่คุ้มจริงๆ สวยงามจนลืมไปเลยว่าที่นี่คือ #อินเดีย
สำหรับเราการเดินทางทุกทริปทุกช่วงโอกาส เราคิดเสมอว่าชีวิตคือความไม่แน่นอน การมีประกันการเดินทางมันทำให้เราอุ่นใจ เพราะทริปมันจะดีมันต้องดีตั้งแต่วางแผนการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว หาไกด์ดีๆ หาเพื่อนๆดีๆร่วมทริปไปกับเราและยิ่งไปกว่านั้น
ทริปที่ดีจะต้องมีหลักประกันที่อุ่นใจได้ว่าจะมีคนคอยดูแลเราตลอดทริปเผื่อไว้กับเรื่องไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย หรืออื่นๆ ทริปนี้เราเลือกประกันภัยเดินทาง ไอ-อินชัวร์ (i-Insure) เพราะเราว่ามันคุ้มสำหรับคนชอบเดินทางแบบเราเบี้ยประกันสามารถเปลี่ยนเป็นไมล์สะสมเพื่อบินฟรีได้ด้วย ทุก 5 บาท ได้ 1 ROP ไมล์ หรือ 1 Big Point AirAsia แถมช่วงนี้โปรดีสุดได้คูปองสตาร์บัคเพิ่มมาอีก คุ้มสุดๆ เอาหละเริ่มทริปกันดีกว่า
เกริ่นก่อนเลยว่าอินเดียคือสวรรค์ของBackpacker อย่างแท้ทรู รัฐเล็กๆอย่างสิกขิมแต่มียอดเขาที่ยิ่งยอดเขาสูงTop3ของโลกคันเซงจุงก้าสูง(Khangchendzonga) เดิมมีความสูงถึง 8,598 เมตร
ทริปนี้เราบอกง่ายๆเลยว่า “สิกขิม” คือทริปที่ถูกจริตคนไทยแน่นอนเพราะแถบ North Sikkim มีหิมะทั้งปี ถ่ายรูปสวย อากาศดี คนสิกขิมน่ารัก แต่ข้อที่ควรระวังในทริปนี้คือ การนั่งรถนานๆ บวกกับอาการแพ้ความสูงที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับบางคน
แพลนของเราซับซ้อนนิดนึง เริ่มจากบินกับ Spicejet เส้นทาง Bangkok-Bagdora ทรานสิทที่ Kolkata แล้วจำเป็นต้องจ้างไกด์ (ติดต่อไปตั้งแต่ไปจากไทย ห้ามไปหน้างานเด็ดขาด) และนั่งรถยาวๆไปเมืองกังต๊อก ออกตะลุยโรดทริป ไฮไลท์ของทริปหนีไม่พ้น แหล่งท่องเที่ยวที่มีไม่ลุ้นแค่สภาพอากาศเท่านั้น ยังต้องพึ่งแต้มบุญที่ต้องพกไปด้วยที่จะได้ไปชม “Zero Point” และชมทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ Tsomgo Lake ทะเลสาบที่ระรานไปด้วยหิมะ บอกเลยว่า 2 ที่นี้คือที่สุดจริงๆ สวยงามจนลืมไปเลยว่าที่นี่คือ #อินเดีย เที่ยวรัฐสิกขิมจนอิ่มแล้วย้อนลงใต้มาที่เมือง Darjeering ชมแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในโลก และขึ้นเครื่องบินกลับจาก Bagdora ขากลับทรานสิทที่ Kolkata ค่อนข้างนานเราแวะเที่ยวที่นั่นก่อนกลับกรุงเทพ เน้นย้ำว่าและที่นี่แหละคือ Your Next Station….
“แต้มบุญ(ของเรา) กับวิวข้างทาง” ตามที่เราบอกไปหลายๆครั้งในแคปชั่นรูปอื่นๆ “ถ้าไม่มีแต้มบุญพกมา Zero point จะอยู่ข้างหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไป” นี่คือเสน่ห์ที่ร้ายๆของเส้นทางที่สวยงามของ Zero Point ไกด์บอกเราว่านอกจากต้องติดตามสภาพอากาศที่อาจจะแย่มากๆจนไม่สามารถนำรถขึ้นไปได้ ก็ยังมีเรื่องของความมั่นคงที่ทหารอาจจะไม่อนุญาตให้เราขึ้นไปด้วยกรณีใดๆก็ตาม แต่ทริปนี้แต้มบุญของพวกเรามีมากพอที่ทุกอย่างเป็นใจให้เราได้มาเจอวิวข้างทางในแบบที่ฝัน ยอดเขาสูงชัน ต้นไม้ที่มียอดปกคลุมด้วยหิมะสีขาว วิวแบบนี้ต้องมาที่สิกขิม
#Yumthang Valley (This is the best destination) ความสวยงามข้างทางระหว่าง Lachung ไป Zero point ภูเขา หิมะ เจ้าจามรีตัวใหญ่ ก็เป็นสีสันให้เราถ่ายรูปได้แบบสนุกๆ หากเพื่อนๆได้อ่านประวัติของรัฐสิกขิม หรือประเทศสิกขิม (เมื่อสี่สิบปีก่อน) เราก็จะรู้เรื่องราวน่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม ที่โดดเด่นไม่แพ้ธรรมชาติที่สวยงามแบบที่เห็นในรูป และที่สำคัญเลยการที่เราจะไปสิกขิมได้ ต้องทำใบอนุญาตก่อนและต้องจ้างไกด์พื้นที่ ถ้าเป็นชาวต่างชาติอย่างน้อยต้องมีสองคนขึ้นไป และไม่สามารถรวมกลุ่มกับคนอินเดียได้นะครับ ทริปนี้ห้ามตะลุยไปแบบไม่มีแผนเด็ดขาดเพราะต้องเตรียมเอกสาร รูปถ่าย และการรับรองจากไกด์ท้องถิ่นที่จะพาเราเข้าไปเที่ยวในสิกขิม ถ้าไม่ได้วางแผนไป บอกเลยว่า “ปิ๋ว”
#ทริปนี้หนาวแต่อุ่นใจ
เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่าการไปเที่ยว ทำไมจะต้องทำประกันภัยท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะแค่ไปเที่ยวชิคๆ ชิลล์ๆเท่านั้น แต่หลังๆมาเลเวลการเที่ยวของเราเข้มข้นขึ้นมาก ตัวอย่างก็ทริปสิกขิมนี่แหละที่เราจำเป็นต้องทำประกันภัยการเดินทางเผื่อไว้ด้วย สบายใจตลอดทริป สำหรับการท่องโลกของเราทริปนี้ใช้บริการของ i-Insure ดูแลครบจบทุกทริป ประกันในท้องตลาดมีเยอะแต่ i-Insure โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นๆตรงมีการสะสมไมล์การเดินทางต่อยอดการเดินทางและยิ่งตอนนี้จัดโปรแรงสุด! มอบสิทธิพิเศษ2 ต่อ
ต่อที่1 เบี้ยประกันภัยเดินทางทุก 5 บาท สามารถเลือกรับ 1 ไมล์สะสม ROP หรือ 1 คะแนน AirAsia BIG Point
ต่อที่ 2 รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท สูงสุด 500 บาท
ทริคเด็ดประกันเดินทาง ไอ-อินชัวร์ ซื้อง่ายๆ 3 ขั้นตอน คลิ๊ก https://iinsure.kpi.co.th
1. เลือกประเทศและวันเดินทาง
2. กรอกชื่อ-นามสกุล
3. ยืนยันชำระเงิน
แค่นี้ก็เสร็จละ เห็นมั้ยล่ะง่ายมากๆ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ โทร. 02 624 1111 ต่อ 4774 หรือ
E-mail : i-insure@kpi.co.th
#แจกแพลนเที่ยว สิกขิม ทริปนี้ห้ามเปรี้ยวเที่ยวเอง “ต้องมีไกด์ท้องถิ่นเท่านั้น”
ค่าทริปคนละ 200 USD รวมทุกอย่างแล้วที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนของไกด์
Day 01: Pick up from NJP STATION or Airport – Gangtok (About 125kms/4 hrs / 5500ft.))
Day 02:-GANGTOK –LACHUNG.(122 KMS/5 HRS DRIVE). After breakfast, transfer to LACHUNG (8000ft. / 131 km / 06 hrs).
Day 03:-Lachung –Yumthang (zero point ) Excursion (53 Km. & 11,800 ft) Early Morning drive to 24 km away
Day 04:- Gangtok – Darjeeling (About 118 Kms /4 hrs).
Day 05:- Darjeeling local sight seeing Early drive to Tiger hills The Sun Rise Point around 4.30am in the morning.. Then evening at local market for shopping .
Day 6:- Darjeeling – Bagdogra Airport (About 90 kms / 3 hrs) Morning after breakfast drive to airport.
Sikkim Permit
Document required is 1) passport 2) visa 3) inner line permit (Sikkim permit) which you will get on arrival. 4)
6 nos of pass photo each person.
#North Sikkim Highway บอกไปแล้วว่าเป็นโรดทริป นี่คือหน้าตาของพาหนะเท่ๆของเราที่ไกด์มารับตั้งแต่สนามบิน ในภาพถนนสาย North Sikkim Highway จาก Gangtok เมืองเอกของรัฐสิกขิมไปยังเมือง Lachung ซึ่งอยู่ตอนเหนือของสิกขิม ระยะทางแค่ประมาณ 120 กว่ากิโลเมตร เป็นถนน 2 เลน เล็กๆ เลียบหน้าผาที่มีไต่ระดับความสูงตั้งแต่ 1,600 – 2,900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถนนเส้นนี้เล็กมาก พลาดนิดเดียวก็อาจจะลงไปนอนที่ก้นเหวได้เลย และด้วยความสูงขนาดนี้ก็คงไม่เหลือซากกลับไทยแลนด์แดนสยามแน่นอน
#เมืองกังต็อก (Gangtok) : เมืองเอกแห่งรัฐสิกขิมกังต็อก ในภาษาภูเทียร คำว่า “กัง” (Gang) หมายถึง ที่ราบ (flat) และคำว่า “ต็อก” (tok)
หมายถึง เนินเขา (hill) กังต็อกจึงหมายถึง “ที่ราบที่อยู่บนเนินเขา” แม้ประเทศอินเดียจะมีจำนวนประชากรมากมาย อาณาเขตที่กว้างใหญ่ แต่สำหรับสิกขิมเป็นรัฐเล็กๆสงบๆ ผู้คนไม่ไดมากมายอะไร
เสน่ห์ของอินเดียจริงๆแล้วคือ “คน” ด้วยความหลากหลายทางภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทำให้เกิดความน่าสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนอยู่อย่างต่อเนื่อง ในเมืองกังต๊อกถึงแม้จะเป็นจุดที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจของรัฐแต่ก็ยังเห็นร้านขายของชำท้องถิ่นตั้งอยู่บนถนนคานธี ใจกลางเมือง
Road to Lachung เก็บของใส่รถเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไป Lachung กันเลยยย ในเมื่อเราตั้งใจมากันแบบ Road trip สิ่งที่เป็นเรื่องสวยงามมันเกิดขึ้นระหว่างทาง เราออกจากกังต๊อก พระอาทิตย์ก็ค่อยๆลอยตัวสูงขึ้นๆ สาดส่องไปยังภูเขาหิมะและธรรมชาติที่สวยงาม เราเดินทางกันแบบ “เหนื่อย+สนุก” ตั้งแต่วันแรกของทริป เส้นทาง North Sikkim Hightway เป็นเส้นทางสวยแบบร้ายๆ อาจจะต่างไปจากเลห์ลาดัก เพราะที่นี่ภูเขาใหญ่ๆติดกับรถเลยอาจจะมีมุมกว้างๆให้เราเห็นน้อยกว่าแถบเลห์ หรือแคชเมียร์
แวะถ่ายรูปเรื่อยๆ การนั่งรถให้รู้สึกสนุกและไม่เบื่อคือ ต้องหาจุดว้าวๆ ลงไปถ่ายรูประหว่างทาง North Sikkim Hightway มีน้ำตกสวยๆให้เราแวะอยู่หลายที่และเราว่าน้ำตกก็อาจจะธรรมดาๆเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของภูเขา หิมะ แม่น้ำและทะเลสาบในแถบสิกขิม ที่หาชมได้ตลอดทาง
อ้อมกอดของภูเขา…การเดินทางด้วยรถจี๊ปที่ต้องไต่ไหล่เขาไปตาม Hightway ถ้ารู้สึกเมื่อยแขน เมื่อยขาก็ลงมายืดเส้นยืดสายกันซักนิด ตามทางเราจะเจอน้ำตกใหญ่ๆ 2-3 ที่ด้วยกัน ถ้าไม่รีบเร่งอะไรก็แวะถ่ายรูปเล่นๆกันก่อน เพราะการนั่งบนรถในทริปนี้มันยาวมากๆเลยนะ
รอยยิ้มสดใสกับสะพานข้างน้ำตกเจ็ดสาวน้อย (Seven Sister Waterfall) นี่ไม่ใช่มุกนะ ชื่อนี้จริงๆ จุดนี้เป็นจุดพักรถที่มีของขายด้วย แต่น้ำตกสูงและแรงมากไม่มีใครเล่นน้ำเลยจ้า จริงๆแล้วเราว่าเค้าคงไม่อนุญาตให้เล่นด้วยแหละ เอาเป็นว่าแค่ถ่ายรูปเล่นๆก็โอเคแล้วล่ะ
Hello Lachung แก…เรามาถึงที่พักที่ Lachung แล้วนะ บรรยากาศเป็นแบบนี้น่ะ ไม่มีอะไรมากเลยนอกจากความสวยงามและความเย็นเข้ากระดูก ความพังของพวกเราคือ ไฟดับจ้าเราอยู่ที่พังทั้งคืนโดยไม่มีไฟ ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีฮีตเตอร์อะไรทั้งนั้น กอดหมอนนอนหนาวสุดดด บรรยากาศแบบนี้คือความเหงา ถ้าไม่มีเพื่อนไปด้วยต้องจิตตกเท่านั้น
“กินมาม่าร้อนๆ ใส่ชุดหนาๆ ถ่ายรูป ณ หมู่บ้าน Lachung” (เอาจริงๆเราไม่รู้จะเรียกว่าหมู่บ้านหรือเมืองดี) ที่รู้ๆคือเงียบและได้สัมผัสวิถีชาวบ้านสิกขิมจริงๆ
เรานอนกันที่ Lachung 1 คืน และเราเดินทางมาพร้อมความวินาศสมกับการเดินทางของ Group of Death จริงๆ ไปถึง Lachung ไฟดับจ้า มันไม่ได้ดับ 20 นาที เหมือนบ้านเรานะ มันดับตลอดเวลาที่เราไปอยู่ที่นั้นเกือบ 24 ชั่วโมง ในขณะที่ช่วงเย็นที่เรามาถึงฝนก็ตกพรำๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะได้ขึ้น Zero Point รึป่าว บรรยากาศสวยแบบขาดใจ ยอดเขาข้างๆที่พักทุกทิศมีแต่หิมะ เรียกว่าเป็นความสวยงามที่โคตรจะทรมาน น้ำท่าไม่ต้องอาบกันหรอก อยู่ไทยรีเควสเครื่องดื่มเย็นๆแต่การมาที่นี่ขอน้ำอุ่นๆ ไม่ได้ดื่มก็เอามาอังมือก็ยังดี
ของร้อน..คลายหนาว
อยู่ไทยแทบจะไม่โหยหาของร้อนๆเลย แค่ใช้ชีวิตประจำวันก็ร้อนตับจะแตกอยุ่แล้ว แต่ไปที่ที่หนาวแบบนี้ขอของอุ่นๆร้อนๆ กระแทกปากซักหน่อย ข้าวโพดปิ้ง กับแป้งนานอุ่นๆ เป็นสิ่งที่เรารู้สึกโอเคมากๆ อิ่มและอุ่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นเราพกมาม่าไปต้มกินด้วย มาม่าที่อินเดียอร่อยกว่าเมืองไทยนาจา
#Fantantic View @Zero Point และในที่สุดรถของเราก็วิ่งมาจนสุดทาง เรามาถึง Zero Point และพอลงจากรถ หันไปหาวิวข้างหน้า ความสวยของที่นี่ก็ทำให้เราเกือบลืมหายใจ เพื่อนๆลองจินตนาการถึงหิมะขาวๆ ภูเขาสูงๆ ท้องฟ้ากว้างๆ เวลาที่มีอยู่บนนั้นแม้จะไม่นานมากแต่ก็เพียงพอเท่าให้เราจดจำความฟินครั้งใหญ่ ได้ไม่ลืม
ยิ่งสูงก็ยิ่งสวยมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เราคิดว่าสวยที่สุดแล้ว ก็ยังมีที่สุดๆๆมากขึ้นไป อีกอย่างน้อยๆคนที่มีจุดหมายที่นี่ต้องอยากได้รูปกับหิมะ ฟ้าสวยๆ ก่อนหน้านี้เราก็ดูรีวิวมาอ่ะนะแต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะดีอะไรแบบนี้ จริงๆนะซักครั้งต้องมาเที่ยวให้ได้ไม่แพงและดี เวลาไม่ต้องใช้เยอะมาก
จิบกาแฟข้างรถจี๊ป ไปเที่ยวที่ไหนก็ตามเรามักจะหามุกไปจิบกาแฟ จิบกาแฟบนยอดดอย จิบกาแฟริมทะเล
จิบกาแฟกลางป่า แต่ครั้งนี้เราจิบกาแฟบนความสูง 5,300 เมตร ข้างๆรถจี๊ป ปากจิบกาแฟอุ่นๆเท้าเหยียบบนหิมะเย็นๆ เป็นความคอนทราสต์ที่โคตรของโคตรดี ไปเถอะขอร้อง
Zero Point แกทำให้เมมกล้องเราเต็ม ก็เล่นกดชัตเตอร์ไม่ยั้งขนาดนี้ แป๊บเดียวแบบแป๊บจริงๆก็พบว่าเมมเราเต็มไปอันนึงแล้ว ถ้าลองมาที่นี่แล้วจะบอกว่าไม่มีโม้เมมเท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่ได้มากันบ่อยๆก็เตรียมตัวกันมาดีๆนะฮะ
เราว่านักท่องเที่ยวหลายๆ อาจจะอยากมาเที่ยวแบบที่สัมผัสหิมะกันซักครั้งเราขอแนะนำให้มาเที่ยวที่สิกขิม เพราะที่นี่คือความว้าวววว แบบไม่มีขีดจำกัดมากๆ ขอให้เอาเป็นช้อยส์แรกๆในการเที่ยวครั้งต่อไปละกันฮะ สำหรับเรากับทริปสิกขิมขอให้คะแนนเกิดความคาดหวัง
ระหว่างทางกลับ เราก็จะไปแวะที่ Yumthang Valley กัน เป็นหุบเขาที่อยู่ระหว่างทางที่เรามา Zero Point แล้วเราก็มาถึง Yumthang Valley เป็นทุ่งหญ้ากลางหุบเขา มีตัว Yak กินหญ้าอยู่รอบๆเรา สวยงามไม่เหมือนอินเดียทีเรารู้จักนี่คือมุมใหม่ของอินเดียลำธารต้นไม้และฉากหลังเป็นภูเขาหิมะคือความงดงามของธรรมชาติที่ถูสร้างสรรค์อย่างลงตัว
#Yumthang Valley (This is the best destination ความสวยงามข้างทางระหว่าง Lachung ไป Zero point ภูเขา หิมะ เจ้าจามรีตัวใหญ่ ก็เป็นสีสันให้เราถ่ายรูปได้แบบสนุกๆ หากเพื่อนๆได้อ่านประวัติของรัฐสิกขิม หรือประเทศสิกขิม (เมื่อสี่สิบปีก่อน) เราก็จะรู้เรื่องราวน่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม ที่โดดเด่นไม่แพ้ธรรมชาติที่สวยงามแบบที่เห็นในรูป และที่สำคัญเลยการที่เราจะไปสิกขิมได้ ต้องทำใบอนุญาตก่อนและต้องจ้างไกด์พื้นที่ ถ้าเป็นชาวต่างชาติอย่างน้อยต้องมีสองคนขึ้นไป และไม่สามารถรวมกลุ่มกับคนอินเดียได้นะครับ ทริปนี้ห้ามตะลุยไปแบบไม่มีแผนเด็ดขาดเพราะต้องเตรียมเอกสาร รูปถ่าย และการรับรองจากไกด์ท้องถิ่นที่จะพาเราเข้าไปเที่ยวในสิกขิม ถ้าไม่ได้วางแผนไป บอกเลยว่า “ปิ๋ว”
ไม่ใช่แค่ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวไทยจากที่ราบลุ่มแม่น้ำออกซิเจนเต็มปอด อาจะเป็นยิ่งสูงยิ่งสวยยิ่งหนาวและอาจจะยิ่งแพ้ก็ได้ ก่อนที่จะมาเที่ยวสถานที่ที่ไม่คุ้นชินเพื่อนๆต้องศึกษาเรื่องสภาพแวดล้อมที่อาจจะส่งผลต่อร่างกายด้วยนะจ๊ะ เพราะความสวยบน Zero point อาจจะทำให้เกิดอาการต่างๆในร่างกายจนไปถึงความจุดอันตรายต่อชีวิตก็ได้นะ
ภาพในความทรงจำของ Group of Death พอถึงที่พักที่ Lachung ในวันฝนพรำ ยังมีเหตุการณ์ไฟดับ ดับแบบดับยาวมาก ดับกันไปเลยจ้าแทบจะ 24 ชั่วโมง (เรากลับจาก Zero Point ของวันรุ่งขึ้นยังไม่มาเลยอ่ะ) เราก็เลยต้องถ่ายภาพเป็นที่จดจำของแก๊งไว้หน่อย ว่าเราเคยซุกอยู่ในห้องจิบชาร้อนกัน อากาศของนอกไม่ต้องพูดถึงนะทั้งชิ้น ทั้งหนาว อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราเอามาเล่าให้คนอื่นฟังได้สนุกๆ
#ทะเลสาบฉางโก บอกเลยที่นี่โคตรฟิน และโคตรหนาว ทะเลสาบแห่งนี้ อยู่ห่างจากเมืองกังต็อกประมาณ 35 กิโลเมตร อยู่บนถนนสายกังต็อก-นาธูลา (ระหว่างทางอินเดียไปจีน) ตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,794 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นต้นน้ำของแม่น้ำลาชุงชู แม่น้ำ 1 ใน 2 สายหลักของสิกขิม วันที่เราไปถึงแม้ฟ้าจะไม่เปิดแต่สิ่งที่โคตรทึ่งคือหิมะโปรยปรายๆ อากาศหนาวสุดขั้ว ฟินนนนน
#ทะเลสาบฉางโก ทะเลสาบฉางโกถึงแม้จะเป็นสถานที่ห้ามพลาดในทริปแต่ตั้งอยู่ในเขตอ่อนไหวทางการเมืองเช่นกัน ดังนั้น การเข้ามาเที่ยวบริเวณนี้ (รวมไปถึงพื้นที่ตั้งแต่ทะเลสาบขึ้นไป) ต้องมากับไกด์และต้องได้ Permit เท่านั้น ช่วงที่เหมาะสมจะเที่ยวทะเลสาบฉางโก คือช่วงเดือนมีนาคม-ปลายเดือนพฤษภาคม และช่วงเดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม
ความเชื่อของชาวสิกขิม นอกจากที่นี่จะมีความสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเบอร์ต้นๆแล้วที่นี่ยังเป็นแหล่งน้้ำพยากรณ์ปรากฎการณ์ต่างๆตามความเชื่อของชาวสิกขิม เพราะเชื่อกันว่าสีของน้ำในทะเลสาบ และพยากรณ์เอาไว้ว่า เมื่อไหร่ที่ทะเลสาบแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปเป็นสีดำเมื่อไร นั่นหมายถึงว่า ในปีนั้นๆจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอนและถ้าทะเลสาบแห่งนี้มีปลาเรนโบว์เทราต์ปรากฎตาให้เห็นสดงว่าปีนั้นจะโชคดีเป็นอย่างมาก ขอบคุณข้อมูลจาก http://kangtent.com
พร๊อพต้องพร้อม ทริปเด็ดๆในการเตรียมตัวมาเที่ยวอย่างหนึ่งคือการเลือกสีเสื้อผ้า ไม่ควรแต่งตัวให้กลมกลืนกับสีของธรรมชาติเช่นนางแบบในรูปเป็นต้น ต้องมีสีสันตัดกับหิมะ เอาไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ได้สบาย555
ส่วนตัวราชอบที่นี่เพราะสวย แต่ด้วยความที่ใครๆก็มาได้ก็ต้องเจอกับคนเยอะๆหน่อย เดินที่นี่ได้ไม่นานมากเพราะเย็นเท้าสุดๆ แต่ก็ได้รูปกลับมาจากที่นี่เยอะมาก กดแบบไม่รู้ตัว จนรู้สึกถ่ายเยอะไป อยากให้ลองนั่งเฉยๆดูวิวที่นี่ดู เก็บบรรยากาศให้เต็มตา พลังชีวิตเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ
#น้องจามรี กิจกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ทะเลสาปฉางโก ก็จะมาขี่จามรี ซึ่งจามรีเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ตามแถบเทือกเขาหิมาลัย มักอาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงระหว่าง 3,200 เมตร ถึง 5,400 เมตร เป็นสัตว์ที่มีปอดและหัวใจใหญ่กว่าวัวในพื้นที่ราบ จึงทนต่อสภาวะอากาศบนที่สูงได้เป็นอย่างดี จามรีเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อผู้คนบนแถบนี้มาก เป็นทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยานพาหนะ
เมืองดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) เป็นเมืองที่ชาวอังกฤษขึ้นมาสร้างไว้เป็นเมืองตากอากาศบนยอดเขาสูง สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของเมือง ในเมืองอากาศเย็นสบายทั้งปีเป็นเมืองพักร้อน สมัยก่อนกัลป์กาตาเป็นเมืองหลวง สำหรับตัวมองว่าเมืองนี้อาจจะไม่หวือหวาด้านความว้าวของธรรมชาตอ นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่สามารถมองให้ยอดเขาคันเซงจุงก้าได้รอบทิศ
ยังย้ำอยู่อีกหนึ่งครั้งว่าการมาอินเดีย อาจะทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสะดวกสบายในบางครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับรู้ก็คือ ความแตกต่างกันของคนในสังคม เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่เรียกว่า “ทุกแบบ” จริงๆ
#Darjeering เมืองแห่งชา ที่นี่คือแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมาอย่างยาวนาน การชงชา ดื่มชา รวมถึงการปลูกชาก็มาจากการถ่ายเทวัฒนธรรมนี้มาด้วย เราได้เห็นวิธีการปลูกชา ชงชาและ ประเภทของชาต่างๆ
ชงชากินกัน ชาดำ ชาเขียว ชาขาว มาจากยอดอ่อนที่มีความแก่อ่อนที่ต่างกัน แต่มาจากต้นพันธ์ต้นเดียวกัน ยอมรับเลยว่าเพิ่งรู้ เข้าใจมาตลอดว่าต้นชาเขียว ต้นชาขาว ซึ่งผิดจ้า เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาก็มาแวะได้
แหล่งปลูกชาที่นี่ดีจนได้รับการยกย่องว่าเป็นแชมเปญช์แห่งชา เนื่องจากรสชาติของชามีกลิ่นหอมและรสชาติอ่อนนุ่ม พร้อมทั้งมีรสชาติคล้ายกับเหล้าองุ่นแบบเจือจางอยู่ด้วย ชาดาร์จีลิ่งจึงเป็นชาที่เหมาะสมสำหรับดื่มระหว่างอาหารค่ำหรือการดื่มชาช่วง บ่ายที่สุด
หลายๆคนกำลังกังวลเรื่องการทานอาหารที่อินเดีย ในฐานะที่เป็นคนทานยากคนนึงของโลกบอกเลยว่า “เตรียมไปปลอดภัยสุด” แต่ถ้าจะลองทานอาหารท้องถิ่นก็เลือกที่หน้าตาโอเค และให้คำนึงถึงสุขอนามัยเป็นเรื่องแรก ถ้าท้องเสียขึ้นมาบอกก่อนว่าไม่ตลกแน่นอน
เอกลักษณ์ของเมือง Daajeering ที่ขนาดถูกขึ้นทะเบียนมรดกโลก ก็คือสถานีรถไฟ Toy Train ซึ่งเป็นรถไฟขนาดเล็กที่ยังวิ่งให้บริการอยู่ โดยเราจะสามารถพบเห็นเจ้ารางของรถไฟ Toy Train อยู่ทั่วตัวเมือง Darjeeling และในปัจจุบันองค์การยูเนสโก้ก็ได้ประกาศ ขึ้นทะเบียน Toy Train เป็นมรดกโลกแล้วด้วย
ถ้าถามว่าของฝากอะไรที่ต้องติดไม้ติดมือกลับมาจาก Darjeeling ไม่ต้องคิดเยอะจ้า แกไปเมืองชา แกก็ต้องซื้อชากลับมาสิ ถูกและดี สำหรับคนที่ชอบดื่มชาคงจะเลือกกันสนุกเลยล่ะ ก่อนจะกลับเราก็แวะมาที่ตลอดเพื่อซื้อของฝากก่อนวันรุ่งขึ้นเราจะโบกมือลาเมืองกลับไปโกลกาตา
กลับมาโกลกาตา มีเวลาอยู่ 7 ชั่วโมง เราก็จัดการเช่ารถจากสนามบินโกลกาตามาในเมือง เพื่อทำอะไรกันรู้มั้ย เพื่อกิน KFC 555 อันนี้ไม่ตลกนะเรื่องจริงอยากกินอะไรที่มัน แมสๆอ่ะแก เข้าใจมะ เมืองโกลกาตาเนี่ยคนละโลกกับสิกขิมเลยนะ คนเยอะ รถเยอะ ร้อน ฝุ่น โอ๊ยยย แบบนี้แหละอินเดีย
รถแท็กซี่สีเหลืองแบบนี้ สัญลักษณ์ของเมืองโกลกาตา น่ารักดีนะ มีความคลาสสิค
ปิดท้ายทริปสิกขิม….เราก็ไม่ได้เชียร์ไม่ได้อวยทริปนี้นะ แต่สำหรับคนที่ชอบหิมะ ชอบโรดทริป ชอบภูเขา ชอบอากาศเย็น สิกขิมอาจจะเป็น Your next destination ของเพื่อนๆก็ได้ สำคัญคือทริปนี้ไม่เหนื่อย ไม่หนักอย่างที่คิด และไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับทริปอื่นๆที่ต้องใช้ระยะเวลาประมาณเท่านี้
…ทริปนี้เป็นทริปที่คนเยอะที่สุดเท่าที่เราเคยไปเที่ยวเลยนะ แต่ก็สนุกดีว่ะ คนเยอะดี วุ่นหน่อยแต่ก็คอเที่ยว คอเดียวกัน
และสุดท้ายท้ายสุดเราขอฝากไว้จริงๆ ในเรื่องของการเดินทาง เรารู้หรอกว่าภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การเป็นคนเสพติดการเที่ยวแบบพวกเรา เดินทางขึ้นเขาลงห้วย อย่างไรก็แล้วแต่ ความมั่นคงมั่นใจการทำประกันการเดินทางคือหนึ่งในปัจจัยของการไปเที่ยวแบบสบายใจทั้งเราและครอบครัว และ i-Insure ก็คือสิ่งที่เราเลือกใช้
แอบบอกโปรแรง i-Insure
ซื้อตอนนี้ถึง ธ.ค. นี้ ได้สิทธิ 2 ต่อ
ต่อที่1 เบี้ยประกันภัยเดินทางทุก 5 บาท สามารถเลือกรับ 1 ไมล์ ROP หรือ 1 คะแนน AirAsia BIG Point
ต่อที่ 2 รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท สูงสุด 500 บาท อันนี้แล้วแต่ยอดซื้อ
ใครกำลังหาประกันภัยเดินทางเพื่อนๆ สามารถคลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มได้เลยตามลิ้งนี้
>>>> https://www.kpi.co.th/Company/Blog/79